แบงก์ ออฟ อเมริกา คอร์ป (BofA) ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาทองคำในระยะเวลา 18 เดือน สู่ระดับ 3,000 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งสูงกว่าสถิติสูงสุดที่เคยทำไว้มากกว่า 50%
ในรายงานของ BofA ซึ่งมีชื่อว่า "The Fed can’t print gold" นั้น ได้มีการปรับเพิ่มเป้าหมายราคาทองคำขึ้นจากระดับก่อนหน้านี้ที่ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากผู้กำหนดนโยบายของรัฐบาลทั่วโลกได้ออกมาตรการกระตุ้นมูลค่ามหาศาลทั้งในด้านการเงินและการคลัง โดยมีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ BofA คาดการณ์ว่า ราคาทองคำโดยเฉลี่ยในปีนี้จะอยู่ที่ 1,695 ดอลลาร์/ออนซ์ และคาดว่าในปี 2564 ราคาทองจะเคลื่อนไหวโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 2,063 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองคำเคยพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,921.17 ดอลลาร์/ออนซ์ในเดือนก.ย. 2554 ส่วนราคาทองสปอตเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา อยู่ที่ 1,678 ดอลลาร์/ออนซ์ และปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 11% แล้วในปีนี้
นักวิเคราะห์ของ BofA แสดงความเห็นว่า การที่เศรษฐกิจทรุดตัวลงอย่างหนัก ประกอบกับการที่รัฐบาลออกมาตรการการคลัง และธนาคารกลางได้ปรับเพิ่มงบดุลเป็นสองเท่านั้น อาจทำให้สกุลเงินของประเทศต่างๆ เผชิญแรงกดดัน และจะเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนหันไปถือครองทองคำ
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์กล่าวว่า การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และความผันผวนที่ลดน้อยลงในตลาดการเงิน รวมถึงความต้องการอัญมณีที่ซบเซาลงในอินเดียและจีน อาจจะยังคงเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ