ไมโครซอฟท์ บริษัทซอฟต์แวร์และผู้ให้บริการออนไลน์รายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยว่า รายได้ในไตรมาส 3 ของปีงบดุลบัญชีของบริษัทซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มี.ค. 2563 อยู่ที่ระดับ 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.36 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากความต้องการใช้งานผลิตภัณฑ์ไมโครซอฟท์ คลาวด์ที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ และการเว้นระยะห่างทางสังคม
ไมโครซอฟท์เปิดเผยว่า กำไรสุทธิในไตรมาสดังกล่าวอยู่ที่ 1.075 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 1.40 ดอลลาร์ต่อหุ้น เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 8.84 พันล้านดอลลาร์หรือ 1.14 ดอลลาร์/หุ้นในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 1.28 ดอลลาร์/หุ้น
รายได้จากธุรกิจคลาวด์เชิงพาณิชย์ ซึ่งรวมถึง Azure ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ในธุรกิจคลาวด์และซอฟท์แวร์ต่างๆ ที่ใช้ระบบคลาวด์นั้น พุ่งขึ้น 39% สู่ระดับ 1.33 หมื่นล้านดอลลาร์
ส่วนรายได้ด้านคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์
ไมโครซอฟท์ระบุในแถลงการณ์ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อรายได้รวมของบริษัท โดยบริษัทมียอดขายและผลกำไรที่สูงเกินคาด เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์และการให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้น ทำให้ความต้องการใช้งานระบบต่างๆ ของไมโครซอฟท์เพิ่มขึ้น อาทิ Teams แอพพลิเคชันการสนทนาและการประชุมออนไลน์ ซึ่งสนับสนุนการทำงานจากที่บ้าน