สถาบันชี้วัดและประเมินสุขภาพ (IHME) ในสังกัดมหาวิทยาลัยวอชิงตันของสหรัฐ คาดการณ์ว่า การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) อาจทำให้ชาวสหรัฐเสียชีวิตมากถึง 134,475 รายภายในวันที่ 4 ส.ค. โดยรัฐนิวยอร์ก รัฐนิวเจอร์ซีย์ รัฐเพนซิลเวเนีย รัฐแมสซาชูเซตส์ และรัฐมิชิแกน จะเป็นรัฐที่มียอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มากที่สุดนับจนถึงเดือนส.ค.
-- Gilead Sciences Inc. ซึ่งเป็นผู้ผลิตยาของสหรัฐ เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะยื่นขอให้กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นอนุมัติการใช้ยา remdesivir เพื่อรักษาผู้ป่วยโควิด-19 อย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์นี้ ซึ่งหากยา remdesivir ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล ก็จะกลายเป็นยารักษาโรคโควิด-19 ตัวแรกที่มีการใช้งานในญี่ปุ่น
-- สายการบินแควนตัส แอร์เวย์ ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติของออสเตรเลีย ประกาศขยายเวลาการระงับเที่ยวบินระหว่างประเทศออกไปจนถึงสิ้นเดือนก.ค. อย่างไรก็ดี แควนตัสระบุว่า สายการบินยังคงมีสถานะที่แข็งแกร่งเพียงพอในการรับมือกับผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
-- โกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นหลังแตะระดับต่ำสุด เนื่องจากประเทศต่างๆ เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และการเว้นระยะห่างทางสังคมลงแล้ว หลังสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลายลง
-- นายเกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียประกาศว่า รัฐแคลิฟอร์เนียจะเข้าสู่ขั้นที่ 2 ของการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในช่วงสิ้นสัปดาห์นี้ โดยจะอนุญาตให้ธุรกิจค้าปลีกบางส่วนกลับมาเปิดบริการอีกครั้ง ภายใต้การปรับเปลี่ยนเงื่อนไขบางอย่าง โดยร้านขายเสื้อผ้า ร้านดอกไม้ ร้านหนังสือ และร้านสินค้ากีฬา อาจได้รับอนุญาตให้เปิดได้ในวันศุกร์นี้
-- นายเจย์ อินสลีย์ ผู้ว่าการรัฐวอชิงตัน ได้ออกมาประกาศแผน Safe Start (เริ่มต้นอย่างปลอดภัย) เมื่อวานนี้ ซึ่งจะเปิดทางให้รัฐวอชิงตันสามารถทยอยเปิดเศรษฐกิจได้อีกครั้งตามแต่ละเฟสที่กำหนด โดยจะเริ่มต้นในวันนี้เป็นวันแรก และจะมีการปรับรูปแบบการปิดหรือเปิดให้บริการธุรกิจ รวมถึงการเว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อลดผลกระทบด้านสุขภาพจากโควิด-19 ให้ได้มากที่สุด
-- นางโจนี ทีเวส นักวิเคราะห์ของยูบีเอส ซึ่งเป็นวาณิชธนกิจชั้นนำของสวิตเซอร์แลนด์คาดการณ์ว่า ราคาทองคำอาจพุ่งทะลุระดับสูงสุดที่ทำไว้เมื่อต้นปีนี้ หลังจากที่ปรับตัวลงในเดือนมี.ค.ตามสินทรัพย์อื่นๆ ทั่วโลก เนื่องจากนักลงทุนยังคงสนใจเข้าซื้อทองมากขึ้น จากสภาวะที่ไม่แน่นอนต่างๆ และอัตราดอกเบี้ยแท้จริงซึ่งอยู่ในระดับติดลบ ท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
-- ธนาคารกลางออสเตรเลียมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.25% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด แม้มีสัญญาณบ่งชี้เพิ่มขึ้นว่า เศรษฐกิจภายในประเทศกำลังได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
-- สำนักงานสถิติแห่งชาติของอินโดนีเซีย (BPS) เปิดเผยในวันนี้ว่า เศรษฐกิจของอินโดนีเซียในไตรมาสแรกของปี 2563 ขยายตัวในระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 20 ปี เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ทำให้กิจกรรมทางธุรกิจต้องหยุดชะงัก
-- รัฐบาลนิวซีแลนด์ขยายระยะเวลาการประกาศภาวะฉุกเฉินออกไปอีก 7 วัน ซึ่งถือเป็นการขยายเวลาครั้งที่ 6 นับตั้งแต่ที่นิวซีแลนด์ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. เพื่อต่อสู้กับโควิด-19 พร้อมระบุว่าจะขยายเวลาตามความเหมาะสม และไม่เปลี่ยนแปลงระดับการเตือนโควิด-19
-- รัฐบาลออสเตรเลียให้คำมั่นว่าจะมอบเงิน 352 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 226 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อสนับสนุนความพยายามในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) และการจัดหาวัคซีน ครอบคลุมถึงการระดมทุนให้แก่สถาบันการศึกษาของออสเตรเลียที่ทำงานร่วมกับกลุ่มพันธมิตรด้านนวัตกรรมเพื่อความพร้อมในการรับมือกับโรคระบาด (CEPI) และองค์การวิจัยวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมเครือจักรภพ (CSIRO)
-- สำนักงานสถิติแห่งชาติสิงคโปร์รายงานในวันนี้ว่า ยอดค้าปลีกเดือนมี.ค.ร่วงลง 13.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักที่สุดในรอบกว่า 20 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2541 เนื่องจากการอุปโภคบริโภคสินค้าต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น เสื้อผ้าและเครื่องประดับ ได้ปรับตัวลดลง โดยถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หากเทียบเป็นรายเดือน ยอดค้าปลีกของสิงคโปร์ในเดือนมี.ค. ปรับตัวลง 1.3%