ไฮเออร์ สมาร์ท โฮม หรือ ไฮเออร์ บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำของโลกและแพลตฟอร์มสมาร์ทโฮม เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดจีนในไตรมาสแรกของปี 2563 อย่างไรก็ตาม ไฮเออร์ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำไว้ได้ โดยเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อสุขภาพมียอดขายพุ่งสูง จากการที่ผู้บริโภคหันมาใส่ใจในเรื่องของสุขภาพกันมากขึ้น และด้วยความที่แบรนด์ให้ความสำคัญกับสุขภาพ ไฮเออร์จึงสามารถขานรับความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
ในไตรมาสแรกของปี 2563 ไฮเออร์มีรายได้ 4.3141 หมื่นล้านหยวน ปรับตัวลดลง 11.09% ด้านกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.07 พันล้านหยวน ร่วงลง 50.16% อย่างไรก็ดี แม้ว่า บริษัทจะเผชิญกับความท้าทายในไตรมาสแรก แต่ผลการดำเนินงานโดยรวมของไฮเออร์นั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการรับมือและปรับตัวได้เป็นอย่างดี
แม้ภาพรวมของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศปรับตัวลดลงในปี 2562 แต่ไฮเออร์ยังมีการเติบโตที่โดดเด่น ในตลาดสมาร์ทโฮมปี 2562 ไฮเออร์มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกประเภท ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดโดยรวมเติบโตขึ้น 4.4% เป็น 23.4%
สำหรับกำไรและส่วนแบ่งการตลาดในต่างประเทศ ยังคงเติบโตได้ในไตรมาสแรกของปี 2563 ซึ่งเป็นผลมาจากความพยายามของไฮเออร์ในการสร้างระบบนิเวศ การขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ และการออกผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม
ทั้งนี้ รายได้ของไฮเออร์ในปี 2562 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.05% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 2.00762 แสนล้านหยวน และมีส่วนสนับสนุนกำไรสุทธิของไฮเออร์ กรุ๊ป ที่ 8.206 พันล้านหยวน ซึ่งเพิ่มขึ้น 9.66% จากปีก่อนหน้า
ในส่วนของสินค้าระดับไฮเอนด์ แบรนด์ Casarte ครองความเป็นผู้นำอย่างชัดเจนด้วยส่วนแบ่งการตลาด 40% ทั้งนี้ แบรนด์เติบโตขึ้นถึง 30% ในปี 2562 โดยมีส่วนแบ่งตลาดตู้เย็นและเครื่องซักผ้าที่ระดับราคาสูงกว่า 10,000 หยวน ในสัดส่วน 40% และ 75.5% ตามลำดับ
สำหรับกลุ่มเครื่องปรับอากาศที่ระดับราคาสูงกว่า 15,000 หยวน ไฮเออร์ครองส่วนแบ่งตลาด 40%
ปัจจุบัน ไฮเออร์เป็นเจ้าของแบรนด์ระดับโลก 7 แบรนด์ ได้แก่ GE Appliances (สหรัฐอเมริกา), Candy (อิตาลี), AQUA (ญี่ปุ่น) Fisher & Paykel (ออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์), Haier, Casarte และ Leader บริษัทมีโรงงาน 122 แห่งทั่วโลก ซึ่ง 54 แห่งอยู่ในต่างประเทศ