นายนีล แคชคารี ประธานเฟดสาขามินนีอาโพลิส เปิดเผยว่า ตลาดแรงงานสหรัฐอาจย่ำแย่ลงมากกว่านี้ หลังจากแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ส่งผลให้นายจ้างสหรัฐปรับลดตำแหน่งงานรวมกันถึง 20.5 ล้านตำแหน่งแล้วเมื่อเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ประธานเฟดสาขามินนีอาโพลิส ให้สัมภาษณ์กับรายการ This Week ทางสถานีเอบีซีว่า "ผมหมายความว่า ตลาดแรงงานยังไม่ถึงจุดที่ย่ำแย่ที่สุด โดยอาจย่ำแย่ลงกว่านี้เมื่อมลรัฐและธุรกิจต่าง ๆ กลับมาเปิดอีกครั้ง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าภาคส่วนเหล่านี้จำเป็นต้องกลับมาเปิดอย่างปลอดภัย"
"เราอาจอยู่ในสภาวะของการผ่อนคลายอย่างค่อยเป็นค่อยไป และจากนั้นอาจต้องกลับมาใช้มาตรการเข้มงวดอีกครั้งทั่วประเทศ เมื่อไวรัสยังคงแพร่ระบาด" ประธานเฟดสาขามินนีอาโพลิส กล่าว "การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นเมื่อเราแก้ไขปัญหาไวรัสแล้ว เราจำเป็นต้องจดจ่อกับข้อเท็จจริงนี้เสมอ"
นายแคชคารี กล่าวว่า "สิ่งที่ผมเรียนรู้ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้คือ การฟื้นตัวน่าจะเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ ค่อยเป็นค่อยไป" ซึ่งไม่สอดคล้องกับความคาดหวังของเจ้าหน้าที่จากทำเนียบขาวที่มองว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563 และต่อเนื่องถึงปี 2564
นายแคชคารี กล่าวว่า "เมื่อเรามองสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วโลกก็จะพบว่า เมื่อประเทศต่าง ๆ ผ่อนคลายการควบคุมทางเศรษฐกิจแล้ว ไวรัสดังกล่าวมักจะระบาดรุนแรงอีกครั้ง และหากไวรัสระบาดนานขึ้นเท่าใด การฟื้นตัวก็จะค่อยเป็นค่อยไปมากขึ้นเท่านั้น"
ประธานเฟดสาขามินนีอาโพลิส มองว่า "เศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง" จะต้องอาศัยความก้าวหน้าเรื่องวัคซีน การตรวจหาโรคในวงกว้าง และเทคนิครักษาโรค เพื่อให้ผู้คนมีความเชื่อมั่นว่าตนเองจะปลอดภัยเมื่อกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม โดยเขากล่าวว่า "ผมไม่ทราบว่าเราจะมีความเชื่อมั่นเช่นนั้นเมื่อใด"