สื่อต่างประเทศรายงานว่า ซาอุดี อารามโค ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย จะมีหนี้สินสูงเกินระดับเป้าหมาย โดยบรรดานักวิเคราะห์คาดว่า การทรุดตัวลงของราคาน้ำมันซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้น จะทำให้บริษัทต้องกู้ยืมเงินเพื่อนำมาจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น เพื่อรักษาสถานะของบริษัทที่จ่ายเงินปันผลสูงที่สุดในโลก และนำไปซื้อหุ้นส่วนใหญ่ในบริษัท SABIC ซึ่งเป็นบริษัทผลิตปิโตรเคมีในเครือของซาอุดี อารามโค
ซาอุดี อารามโค รายงานผลกำไรไตรมาสแรก 1.66 หมื่นล้านดอลลาร์ มากกว่า 2 เท่าของผลกำไรรวมกันของบริษัทน้ำมันและก๊าซชั้นนำ 5 แห่งของชาติตะวันตก ขณะที่การจำกัดการเดินทางอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้เริ่มส่งผลกระทบต่อธุรกิจน้ำมัน
อย่างไรก็ตาม แม้อารามโค จะมีเงินสดถึง 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะจ่ายเงินปันผลมูลค่า 1.88 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับไตรมาสแรก ซึ่งราคาน้ำมันดิบเบรนท์อยู่ที่ระดับเฉลี่ย 50 ดอลลาร์/บาร์เรล
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลซาอุดีอาระเบียได้สั่งการให้ซาอุดี อารามโค ลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมอีก 1 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย. นอกเหนือจากที่ได้ปรับลดกำลังการผลิตตามข้อตกลงของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส
นักวิเคราะห์ของเบิร์นสไตน์เปิดเผยว่า อารามโคจะต้องกู้ยืมเงินเพื่อนำมาจ่ายเงินปันผล และอารามโคจะไม่สามารถจ่ายปันผลได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
ในปีที่ผ่านมา อารามโคได้นำหุ้น 1.7% เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นซาอุดีอาระเบีย ซึ่งทำให้อารามโคเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก และได้ดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาซื้อหุ้นด้วยการสัญญาว่าจะจ่ายเงินปันผลรวม 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วง 5 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมา อารามโคยังได้ตกลงที่จะซื้อหุ้นส่วนใหญ่ใน SABIC ด้วย แต่หลังจากที่ราคาน้ำมันร่วงลงอย่างรุนแรงในปีนี้ อารามโคกำลังหาทางที่จะเปลี่ยนแปลงข้อตกลงดังกล่าว