สื่อต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐได้ส่งหมายศาลของคณะลูกขุนใหญ่ไปยังธนาคารขนาดใหญ่ต่างๆ เพื่อขอข้อมูลที่เป็นส่วนหนึ่งของการสืบสวนในวงกว้างเกี่ยวกับการใช้โครงการเงินกู้ฉุกเฉินมูลค่า 6.60 แสนล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
แผนกตรวจสอบการฉ้อโกงของกระทรวงยุติธรรมในวอชิงตันได้ออกหมายศาลดังกล่าวส่งถึงธนาคารต่างๆ ซึ่งไม่ได้หมายความว่า ธนาคารเหล่านั้นกระทำความผิด แต่จะเป็นการรวบรวมเกี่ยวกับความวิตกที่เพิ่มขึ้นของธนาคารต่างๆ ที่ว่า พวกเขามีความเสี่ยงที่จะถูกรัฐบาลกลางสหรัฐกวาดล้างในการฉ้อโกงโครงการเงินช่วยเหลือ Paycheck Protection Program (PPP)
ทั้งนี้ โครงการ PPP ดังกล่าวจะอนุญาตให้ธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 สามารถยื่นขอเงินกู้ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลกับธนาคารต่างๆ โดยธนาคารสามารถยกหนี้ดังกล่าวให้กับธุรกิจใดๆ หากเงินกู้อย่างน้อยที่สุด 75% ถูกนำไปใช้ในการจ่ายเงินเดือนพนักงาน
ผู้กำหนดนโยบายของสหรัฐวิตกว่า เงินสดจำนวนมหาศาลได้กลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้กระทำความผิดฐานฉ้อโกง ขณะที่นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐเตือนว่า บริษัทที่ดำเนินการโดยทุจริตเพื่อขอรับเงินกู้นั้น อาจจะถูกดำเนินคดี
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้เปิดการสอบสวนโครงการดังกล่าวในเดือนที่ผ่านมา และได้ดำเนินคดีอาญาแล้วกับผู้กู้ยืมที่แจ้งข้อมูลเท็จเกี่ยวกับสถานะของธุรกิจ และจำนวนพนักงาน
ทั้งนี้ ธนาคารต่างๆ มีบทบาทสำคัญในกระบวนการปล่อยเงินกู้ และมีข้อมูลจำนวนมากที่อาจบ่งชี้ถึงผู้กระทำผิดโทษฐานฉ้อโกงรายอื่นๆ
สื่อระบุว่า ธนาคารรายใหญ่ได้รับหมายศาลแล้ว แต่ไม่ได้เปิดเผยชื่อธนาคารเหล่านั้น ขณะที่ข้อมูลอุตสาหกรรมบ่งชี้ว่า เจพีมอร์แกน เชส, ซิตี้กรุ๊ป อิงค์, แบงก์ ออฟ อเมริกา คอร์ป และ เวลส์ ฟาร์โก เป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่เข้าร่วมโครการ PPP ดังกล่าว