ซอฟต์แบงก์ กรุ๊ป ของญี่ปุ่น เปิดเผยในวันนี้ว่า บริษัทมียอดขาดทุนสุทธิในปีงบการเงิน 2562 อยู่ที่ 9.6158 แสนล้านเยน (9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเป็นการขาดทุนครั้งแรกในรอบ 15 ปี เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบรรดาธุรกิจสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีที่ซอฟต์แบงก์เข้าไปลงทุนไว้
ทั้งนี้ ซอฟต์แบงก์ประสบภาวะขาดทุนในปีงบการเงิน 2562 ซึ่งสวนทางกับในปีงบการเงิน 2561 ที่บริษัทมีกำไรสุทธิ 1.41 ล้านล้านเยน นอกจากนี้ บริษัทมียอดขาดทุนจากการดำเนินงานในปีงบการเงิน 2562 ที่ระดับ 1.36 ล้านล้านเยน ซึ่งสวนทางกับกับปีงบการเงิน 2561 ที่บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน 2.07 ล้านล้านเยน จากยอดขาย 6.19 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้น 1.5%
โนมูระ โฮลดิ้งส์ ระบุว่า ตัวเลขขาดทุนจากการดำเนินงานของซอฟต์แบงก์ในปีงบการเงิน 2562 นับว่าสูงที่สุดเมื่อเทียบกับบริษัทนอกภาคการเงินรายอื่นๆ ของญี่ปุ่น
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ซอฟต์แบงก์ไม่ได้เปิดเผยการคาดการณ์ผลประกอบการสำหรับปีงบการเงิน 2563 โดยระบุถึงความไม่แน่นอนของสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจ
การเปิดเผยผลประกอบการของซอฟต์แบงก์มีขึ้นหลังจากที่เมื่อช่วงเช้าวันนี้ บริษัทเพิ่งประกาศข่าวการลาออกจากตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการบริษัทของนายแจ็ค หม่า โดยทางบริษัทจะเสนอชื่อสมาชิกคณะกรรมการรายใหม่ 3 รายในการประชุมประจำปีวันที่ 25 มิ.ย.นี้
นอกจากนี้ บริษัทซอฟต์แบงก์ยังได้ประกาศแผนซื้อหุ้นคืนอีก 5 แสนล้านเยน (4.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ภายในเดือนมี.ค.ปีหน้าด้วย ซึ่งเพิ่มเติมจากแผนซื้อหุ้นคืนในวงเงิน 4.1 หมื่นล้านดอลลาร์ที่เคยประกาศไว้เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ซอฟต์แบงก์ได้ลงทุนอย่างหนักในธุรกิจสตาร์ทอัพทั่วโลก ส่งผลให้เกิดการซื้อหุ้นคืนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากหลายฝ่ายเกิดความกังวลว่าธุรกิจสตาร์ทอัพจะได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่