ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ ขานรับตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐที่ออกมาดีกว่าคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวหลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
-- ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐลดลง 2.76 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ค. แต่ยังดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 8.75 ล้านตำแหน่ง และดีกว่าในเดือนเม.ย.ที่ตัวเลขจ้างงานทรุดตัวลง 19.6 ล้านตำแหน่ง ซึ่งเป็นภาวะการจ้างงานที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูลในปี 2545
-- นายมาร์ค แซนดี หัวหน้านักวิเคราะห์ของมูดี้ส์ อนาลิติกส์ กล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐในเดือนพ.ค.อาจเป็นการส่งสัญญาณว่าตลาดแรงงานได้ผ่านภาวะย่ำแย่ที่สุดจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
"ข่าวดีก็คือ ผมคิดว่าเราได้ผ่านพ้นภาวะถดถอยจากโควิด-19 แล้ว ยกเว้นเราจะเจอการแพร่ระบาดรอบสอง หรือมีการใช้นโยบายที่ผิดพลาดอย่างรุนแรง ส่วนข่าวร้ายคือ การฟื้นตัวจะเป็นไปอย่างล่าช้า จนกว่าจะมีการคันพบวัคซีน และยารักษาโควิด-19 ที่จะมีการกระจาย และมีการใช้ในวงกว้าง" นายแซนดีแสดงความเห็น
-- จับตาตลาดหุ้นเอเชียและทั่วโลกวันนี้ คาดปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยได้แรงหนุนจากการที่สหรัฐและจีนซึ่งเป็นสองประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาด ซึ่งบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องหลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าเศรษฐกิจโลกจะดีขึ้นด้วยเช่นกัน
-- แหล่งข่าวระบุว่า รัฐบาลสหรัฐเตรียมสั่งห้ามสายการบินของจีนเดินทางเข้าสู่สหรัฐนับตั้งแต่กลางเดือนนี้ เพื่อกดดันให้จีนเปิดทางให้สายการบินของสหรัฐเดินทางไปยังจีน
มาตรการดังกล่าวจะเป็นการตอบโต้จีนต่อการที่จีนปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงฉบับปัจจุบันเกี่ยวกับเที่ยวบินของทั้งสองประเทศ
เมื่อวันที่ 22 พ.ค. รัฐบาลสหรัฐได้กล่าวหาจีนว่าพยายามขัดขวางสายการบินสหรัฐในการกลับมาให้บริการเที่ยวบินไปยังจีน นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐยังได้สั่งให้สายการบิน 4 แห่งของจีนยื่นตารางการบินต่อทางการสหรัฐ
ทั้งนี้ สายการบินเดลตา แอร์ไลน์ และยูไนเต็ด แอร์ไลน์ของสหรัฐ ต่างก็เรียกร้องให้จีนเปิดเส้นทางบินในเดือนนี้ ขณะที่สายการบินของจีนยังคงสามารถเดินทางไปยังสหรัฐในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
-- สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า กลุ่มโอเปกพลัสอาจเลื่อนการประชุมที่มีกำหนดในวันนี้ ขณะที่ซาอุดีอาระเบียและรัสเซียเตือนชาติสมาชิกให้ยุติการโกงโควตาการผลิตน้ำมัน มิฉะนั้นโอเปกพลัสอาจระงับการปรับลดกำลังการผลิต ซึ่งได้ช่วยหนุนราคาน้ำมันในระยะนี้
สื่อรายงานว่า ซาอุดีอาระเบียและรัสเซียได้เห็นพ้องกันเกี่ยวกับการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 9.7 ล้านบาร์เรล/วันออกไปจนถึงเดือนก.ค.
ในการประชุมเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมโอเปกพลัสมีมติปรับลดกำลังการผลิตเพียง 7.7 ล้านบาร์เรล/วันตั้งแต่เดือนก.ค.ไปจนถึงสิ้นปี 2563 และจะปรับลด 6 ล้านบาร์เรล/วันตั้งแต่เดือนม.ค.2564 ไปจนถึงเดือนเม.ย.2565
หากโอเปกพลัสไม่ได้จัดการประชุมในเดือนนี้เพื่อให้มีการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 9.7 ล้านบาร์เรล/วันถึงเดือนก.ค. ก็จะทำให้โอเปกพลัสปรับลดกำลังการผลิตเพียง 7.7 ล้านบาร์เรล/วันตั้งแต่เดือนก.ค. ซึ่งจะยิ่งซ้ำเติมภาวะตลาดน้ำมัน ขณะที่อุปสงค์อยู่ในระดับต่ำ
-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 6,475,119 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 382,927 ราย
สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (1,881,256) รองลงมาคือบราซิล (558,237), รัสเซีย (432,277), สเปน (287,012), สหราชอาณาจักร (277,985) และอิตาลี (233,515)
นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (108,062) ตามมาด้วยสหราชอาณาจักร (39,369), อิตาลี (33,530), บราซิล (31,309) และฝรั่งเศส (28,940)
-- ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 45.4 ในเดือนพ.ค. หลังจากดิ่งลงแตะ 41.8 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการหดตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2552 และเป็นการหดตัวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2552 โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีภาคบริการของสหรัฐดีดตัวสู่ระดับ 44.0 ในเดือนพ.ค.
ดัชนีภาคบริการของสหรัฐได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของการจ้างงานและคำสั่งซื้อใหม่
อย่างไรก็ดี ดัชนี PMI ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคบริการของสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะหดตัว โดยหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4
ดัชนี PMI ถูกกดดันจากการร่วงลงของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน แม้ความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจฟื้นตัวขึ้น หลังจากแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในวันนี้ ยูโรโซนเตรียมรายงานยอดค้าปลีกเดือนเม.ย. เวลา 16.00 น. ตามเวลาไทย
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย เวลา 18.45 น. ซึ่งคาดว่าจะประกาศเพิ่มการซื้อพันธบัตรวงเงิน 5 แสนล้านยูโร
ส่วนทางการสหรัฐมีกำหนดรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ เวลา 19.30 น.
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจในวันพรุ่งนี้ เยอรมนีเปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนเม.ย. ขณะที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐจะลดลง 8.33 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ค. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะพุ่งขึ้นสู่ระดับ 19.5%