World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 8 มิถุนายน 2563

ข่าวเศรษฐกิจ Monday June 8, 2020 08:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นในวันนี้ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.ที่ขยายตัวเกินคาด ซึ่งช่วยให้นักลงทุนมีความหวังว่าเศรษฐกิจทั่วโลกจะฟื้นตัว

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 2.5 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ค. สวนทางกับนักวิเคราะห์ที่คาดไว้ว่าการจ้างงานอาจลดลง 8.33 ล้านตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 13.3% ในเดือนพ.ค. สวนทางกับนักวิเคราะห์ที่คาดไว้ว่าอาจพุ่งขึ้นสู่ระดับ 19.5%

-- ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 200 จุดในช่วงเช้านี้ โดยได้ปัจจัยหนุนจากมุมมองบวกที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นหลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และทยอยเปิดธุรกิจในภาคส่วนต่างๆ นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงขานรับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งเกินคาด

ณ เวลา 06.54 น.ตามเวลาไทยในวันนี้ ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้น 208 จุด หรือ 0.77% แตะที่ระดับ 27,280 จุด

-- ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นมายืนที่เหนือระดับ 40 ดอลลาร์/บาร์เรล ในการซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกส์ในช่วงเช้านี้ ขานรับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส บรรลุข้อตกลงขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน

ณ เวลา 07.02 น. สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.ค. พุ่งขึ้น 85 เซนต์ หรือ 2.15% แตะที่ 40.40 ดอลลาร์/บาร์เรล

ในการประชุมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา กลุ่มโอเปกพลัสบรรลุข้อตกลงขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 9.7 ล้านบาร์เรล/วันออกไปจนถึงเดือนก.ค. จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนมิ.ย.นี้ แถลงการณ์จากโอเปกพลัสระบุว่า ผู้เข้าร่วมประชุมต่างเห็นพ้องที่จะขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันไปอีก 1 เดือน และประเทศที่ผลิตน้ำมันเกินโควต้าในเดือนพ.ค.และมิ.ย. จะชดเชยโดยการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มกว่าที่ตกลงในเดือนก.ค.-ก.ย.

-- นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 9-10 มิ.ย.นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ

ส่วนในการประชุมเฟดครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 28-29 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น ที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% ขณะเดียวกันเฟดยืนยันว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าว จนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้น และเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%

-- นักลงทุนยังคงติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนอย่างใกล้ชิด โดยแม้ว่ารัฐบาลสหรัฐประกาศยกเลิกแผนห้ามสายการบินจีนเดินทางเข้าสหรัฐหลังจากจีนยินยอมให้สายการบินต่างชาติเดินทางเข้าประเทศได้ แต่กระทรวงการขนส่งของสหรัฐประกาศมาตรการใหม่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า สายการบินของจีนสามารถให้บริการเที่ยวบินไปยังสหรัฐได้เพียง 2 เที่ยวต่อสัปดาห์

ทั้งนี้ กระทรวงฯระบุว่า การประกาศมาตรการใหม่ดังกล่าวเป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อให้เกิดความสมดุลในด้านการแข่งขัน และสร้างโอกาสที่เป็นธรรมและเท่าเทียมในหมู่สายการบินของสหรัฐและจีนในตลาดบริการด้านการบินระหว่างประเทศ

-- สำนักข่าวต่างประเทศรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า บริษัท AstraZeneca ผู้ผลิตยารายใหญ่ของอังกฤษ ซึ่งเป็นผู้ร่วมพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ขั้นทดลอง ได้มีการติดต่อเบื้องต้นไปยังบริษัท Gilead Sciences ของสหรัฐ เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการควบรวมกิจการ โดย Gilead Sciences เป็นผู้ผลิตยา remdesivir ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสขั้นทดลองที่ใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ตัวเดียวที่ทางการสหรัฐรับรอง

รายงานข่าวระบุว่า หากทั้งสองบริษัทควบรวมกิจการจริงๆ แล้ว ก็จะเป็นข้อตกลงที่มีมูลค่ามากที่สุดในวงการเภสัชภัณฑ์ โดย Gilead มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 9.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วน AstraZeneca มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 1.4 แสนล้านดอลลาร์

-- สหรัฐกำลังพิจารณาที่จะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเรือบรรทุกน้ำมันของต่างชาติเพิ่มเติมอีกหลายสิบลำที่ละเมิดข้อห้ามทำการค้ากับรัฐบาลเวเนซุเอลา ซึ่งนับเป็นความพยายามล่าสุดของสหรัฐที่จะตัดช่องทางการหารายได้ของรัฐบาลประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโรแห่งเวเนซุเอลา

ทั้งนี้ แหล่งข่าววงการเดินเรือเปิดเผยกับว่า สหรัฐอาจคว่ำบาตรเรือบรรทุกน้ำมันอย่างน้อย 40 ลำในเร็วๆ นี้ แม้คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังไม่ได้สรุปการตัดสินใจในเรื่องดังกล่าวก็ตาม โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่อการค้าทางทะเลทั่วโลก โดยจะทำให้อัตราค่าระวางเรือบรรทุกน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างมาก

-- สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นประกาศปรับเพิ่มประมาณการตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2563 โดยระบุว่า GDP ไตรมาส 1/2563 หดตัวลง 2.2% จากไตรมาส 4/2562 ซึ่งดีกว่าตัวเลขประมาณเบื้องต้นที่ระบุว่า GDP ไตรมาส 1/2563 หดตัวลง 3.4%

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า GDP ญี่ปุ่นหดตัวลงติดต่อกันสองไตรมาส ซึ่งบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค

-- สำนักงานปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) เปิดเผยว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีน ณ สิ้นเดือนพ.ค. อยู่ที่ระดับ 3.1017 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากระดับ 3.0915 ล้านล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนเม.ย.

นางหวัง ชุนหยิง โฆษกและหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ SAFE เปิดเผยว่า ตลาดปริวรรตเงินตราของจีนยังคงมีเสถียรภาพในเดือนพ.ค. โดยอุปสงค์และอุปทานอยู่ในภาวะสมดุล ส่วนปัจจัยที่ทำให้ทุนสำรองปรับตัวสูงขึ้นในเดือนพ.ค.นั้น มาจากหลากหลายปัจจัย ซึ่งรวมถึงอัตราแลกเปลี่ยน และการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยเยอรมนีมีกำหนดเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เยอรมนีจะเปิดเผยดุลการค้าเดือนเม.ย. ขณะที่อียูเตรียมเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) ทางด้านสหรัฐจะเปิดเผยความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนพ.ค.จากสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB), สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนเม.ย. และตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนเม.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ