สหราชอาณาจักรเริ่มบังคับใช้มาตรการกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศเป็นเวลา 14 วันแล้วในวันนี้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดระลอกสองของเชื้อไวรัสโควิด-19 ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากภาคธุรกิจการบิน
มาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้กับทั้งพลเมืองของสหราชอาณาจักรและนักท่องเที่ยว แต่จะยกเว้นให้กับผู้ที่เดินทางมาจากไอร์แลนด์ เกาะแมน และหมู่เกาะแชนเนล ซึ่งผู้ที่เดินทางเข้ามาในสหราชอาณาจักร ไม่ว่าจะโดยทางอากาศ ทางบก หรือทางน้ำ จะต้องแจ้งรายละเอียดการเดินทางและที่อยู่สำหรับการกักตัวให้เจ้าหน้าที่ทราบ
อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากภาคธุรกิจการบิน เนื่องจากมองว่า สหราชอาณาจักรเป็นประเทศหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หนักที่สุดในยุโรป แต่กลับจำกัดการเดินทางจากประเทศที่มีผู้ติดเชื้อน้อยกว่า
สายการบินบริติชแอร์เวย์ และสายการบินต้นทุนต่ำทั้ง อีซี่เจ็ท และ ไรอันแอร์ ได้ร่วมกันยื่นคำร้องเพื่อคัดค้านมาตรการดังกล่าวของรัฐบาล โดยระบุว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่เหมาะสมและไม่เป็นธรรม
นายไมเคิล โอเลียรี ผู้บริหารสายการบินไรอันแอร์ กล่าวกับสำนักข่าวสกายนิวส์ในวันนี้ว่า แผนการดังกล่าวไร้ประโยชน์ และยังอาจสร้างความเสียหายต่อตำแหน่งงานหลายพันตำแหน่งในธุรกิจท่องเที่ยวของสหราชอาณาจักร
ขณะที่นายจอห์น ฮอลแลนด์-เคย์ ซีอีโอท่าอากาศยานนานาชาติฮีทโธรว์ ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ City AM ว่า มาตรการกักตัว 14 วันอาจส่งผลให้มีคนที่ทำงานในสนามบินตกงานราว 25,000 คน หรือคิดเป็นหนึ่งในสามของพนักงานทั้งหมด
อย่างไรก็ดี นายแมตต์ แฮนค็อก รัฐมนตรีสาธารณสุขอังกฤษ ระบุว่า กฎใหม่ที่ออกมามีความเหมาะสมแล้ว เพราะจำนวนผู้ติดเชื้อที่มาจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อภายในประเทศนั้นลดลงแล้ว