ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขยายขอบข่ายโครงการ Secondary Market Corporate Credit Facility ซึ่งจะสามารถซื้อหุ้นกู้ของภาคเอกชนได้เป็นมูลค่าถึง 7.5 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนด้านสภาพคล่องในตลาด และจัดหาสินเชื่อให้กับบริษัทขนาดใหญ่ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
-- คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) แถลงในวันนี้ว่า ณ วันจันทร์ที่ 15 มิ.ย. จีนพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ 40 ราย โดย 32 รายเป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศ ส่วนอีก 8 รายเป็นผู้ติดเชื้อที่มาจากต่างประเทศ
-- กรุงปักกิ่งเดินหน้าใช้มาตรการล็อกดาวน์เพิ่มเติม โดยล่าสุดได้ยกเลิกแผนเปิดโรงเรียนประถมบางแห่ง และยกเลิกการผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม หลังจากพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในกรุงปักกิ่งเพิ่มอีก โดยการดำเนินการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่ากรุงปักกิ่งยังคงดำเนินมาตรการคุมเข้มบางส่วน แม้ว่ารัฐบาลจีนได้ผ่อนคลายการควบคุมส่วนใหญ่ลงแล้ว หลังจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ประกาศชัยชนะเหนือไวรัสโควิด-19 ในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา
-- กรุงปักกิ่งขอให้รถแท็กซี่และบริการเรียกรถโดยสารขับอยู่แต่ภายในเมือง เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 แบบกลุ่มก้อนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
-- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ -0.1% ในการประชุมวันนี้ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ พร้อมกับคงเป้าหมายอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ไว้ที่ระดับ 0%
-- ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนมิ.ย.ในวันนี้ โดยระบุว่า กรรมการบริหารของ RBA ตระหนักว่า เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับภาวะชะลอตัวรุนแรง ขณะเดียวกัน RBA ให้คำมั่นว่าจะยังคงเป้าหมายอัตราผลตอบแทนพันธบัตรประเภทอายุ 3 ปีเอาไว้จนกว่า RBA จะบรรลุเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ และการจ้างงานที่ขยายตัวอย่างเต็มศักยภาพ
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ประกาศลดกองกำลังทหารสหรัฐที่ประจำการอยู่ในเยอรมนี ลงเหลือ 25,000 นาย เนื่องจากเยอรมนีไม่ได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายที่เพียงพอในการป้องกันประเทศ
-- สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า เจพีมอร์แกน เชส ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐ จะอนุญาตให้พนักงานกลับเข้าทำงานที่สำนักงานใหญ่ในกรุงนิวยอร์กได้มากขึ้นสัปดาห์หน้า หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ทางธนาคารได้สั่งให้พนักงานส่วนใหญ่ทำงานจากที่บ้าน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
-- สื่อต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐจะลงนามคำสั่งบริหารในวันนี้ซึ่งจะปรับปรุงวิธีการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติต่อชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันและบุคคลอื่นๆ ด้วยการปรับปรุงทรัพยากรด้านการรับรอง, การฝึกอบรม และด้านสุขภาพจิตของกรมตำรวจ
-- นางเคลลี คราฟต์ เอกอัครทูตสหรัฐประจำองค์การสหประชาชาติ (UN) เปิดเผยว่า การที่จีนพยายามเข้าควบคุมฮ่องกงมากกว่าเดิมนั้น เป็นปัญหาสิทธิมนุษยชนที่ควรค่าแก่การอภิปรายในเวที UN
-- สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนี (Destatis) รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวลง 0.1% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขประมาณการเบื้องต้น และสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
-- สำนักข่าวยอนฮัปรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวทางทหารในวันนี้ เกาหลีเหนือได้ระเบิดสำนักงานติดต่อประสานงานระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองแกซอง เมืองชายแดนของเกาหลีเหนือ
-- สำนักงานสถิติแห่งชาติของสหราชอาณาจักร (UK) เปิดเผยในวันนี้ว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานใน UK พุ่งขึ้น 528,900 รายในเดือนพ.ค. สู่ระดับ 2.8 ล้านราย
-- ญี่ปุ่นจะเริ่มผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทางสำหรับเวียดนามเป็นประเทศแรก โดยอยู่ระหว่างการจัดเตรียมเที่ยวบินไปยังเวียดนามในปลายเดือนนี้
-- สหประชาชาติ (UN) คาดการณ์ว่า การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) จะทำให้การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของประเทศต่างๆ ทั่วโลกร่วงลงหนักถึง 30-40% จนแตะระดับต่ำกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีในปีนี้ และลดลงต่อเนื่องในปีหน้า จากนั้นถึงจะเริ่มฟื้นตัวอย่างช้าๆ ในปี 2565
-- นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังการประชุมนโยบายการเงินของ BOJ ในวันนี้ โดยกล่าวว่า BOJ จะไม่ลังเลในการใช้นโนบายผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติมหากจำเป็น ซึ่งหมายความว่า BOJ มีความพร้อมที่จะขยายโครงการเงินกู้ หากพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็น
-- สำนักงานสถิติออสเตรเลีย (ABS) เปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดผู้เดินทางจากต่างประเทศเข้าออสเตรเลียได้ปรับตัวลงถึง 99% เมื่อเทียบรายปี แตะ 19,400 รายในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทำสถิติต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยในจำนวนผู้เดินทางดังกล่าว เป็นพลเมืองออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เป็นสัดส่วนถึง 69%
-- กลุ่มสายการบินในสหรัฐเปิดเผยว่า ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) สายการบินมีสิทธิห้ามผู้โดยสารขึ้นเครื่องหากไม่สวมหน้ากาก และผู้โดยสารที่ไม่ปฏิบัติตามอาจถูกสายการบินขึ้นบัญชีห้ามบิน