บริษัท CBB International เปิดเผย China Beige Book ซึ่งเป็นรายงานสำรวจภาวะเศรษฐกิจจีนบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจจีนหดตัวลงในไตรมาส 2 ของปีนี้เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจเริ่มเข้าสู่ภาวะถดถอย แม้ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยในช่วงไตรมาสแรกซึ่งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
รายงานรายไตรมาสดังกล่าวซึ่งได้จากการสำรวจบริษัทมากกว่า 3,300 แห่งระบุว่า ตัวชี้วัดภาวะเศรษฐกิจที่สำคัญซึ่งได้แก่ ผลกำไรของภาคการผลิต, การใช้จ่ายทุน และปริมาณยอดค้าปลีกนั้น ยังคงอยู่ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และแทบไม่ได้ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสแรก
ภาคค้าปลีกปรับตัวย่ำแย่ที่สุด โดยรายได้และผลกำไรยังคงร่วงลงอย่างรุนแรง ต้นทุนด้านสินเชื่อที่ลดลงอย่างมากดูเหมือนไม่ได้ช่วยกระตุ้นให้ผู้ค้าปลีกกู้ยืมแต่อย่างใด ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะที่อ่อนแออย่างต่อเนื่องของภาคค้าปลีก ขณะที่ภาคการผลิตขยายตัวในช่วงไตรมาสแรก และภาคบริการปรับตัวได้ดีที่สุด
รายงานระบุว่า อุปสงค์ที่ซบเซาทั่วโลกยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ถ่วงการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยภูมิภาคต่างๆ ที่พึ่งพาการส่งออกปรับตัวย่ำแย่ที่สุด ขณะที่ภูมิภาคที่พึ่งพาอุปสงค์ภายในประเทศดีดตัวขึ้น
บริษัท CBB International ระบุในรายงานว่า "แม้เศรษฐกิจจีนจะกลับไปมีการขยายตัวในที่สุด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เศรษฐกิจจะกลับไปมีการขยายตัวเหมือนเก่า จนกว่าอุปสงค์โลกจะฟื้นตัวขึ้นอย่างมาก การปรับตัวดีขึ้นรายไตรมาสนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาวะเศรษฐกิจหดตัวทั้งปี 2563"
มุมมองในเชิงลบดังกล่าวขัดแย้งกับความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่และของรัฐบาลจีน ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจจะกลับไปมีการขยายตัวในไตรมาสนี้ และจะขยายตัวในปีนี้
ข้อมูลล่าสุดของทางการจีนบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจจีนยังคงฟื้นตัวจากภาวะตกต่ำจากผลกระทบของโรคโควิด-19 ในเดือนพ.ค. โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวในภาคอุตสาหกรรมท่ามกลางอุปสงค์ของผู้บริโภคที่ยังคงซบเซา โดยเศรษฐกิจจีนหดตัวลง 6.8% ในไตรมาสแรก
ทั้งนี้ รายงาน China Beige Book จัดทำโดยการสัมภาษณ์บริษัท 3,304 แห่งในจีนตั้งแต่กลางเดือนพ.ค.จนถึงกลางเดือนมิ.ย. ขณะที่รัฐบาลจีนจะเปิดเผยข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2563 อย่างเป็นทางการในวันที่ 16 ก.ค.