อุตสาหกรรมรถยนต์ของอังกฤษเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาตรการเพิ่มเติม อาทิ การปรับลดภาษีการขาย เพื่อหนุนภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ ขณะที่พนักงานในธุรกิจนี้ยังคงถูกพักงาน อันเนื่องมาจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
โรงงานผลิตรถยนต์ได้ปิดทำการมาตั้งแต่เดือนมี.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากรัฐบาลอังกฤษบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยในปัจจุบันโรงงานบางแห่งยังคงปิดทำการต่อไป และหลายแห่งเปิดทำการแล้ว แต่มีอัตราการผลิตที่ลดลงอย่างมาก ส่งผลให้อุตสาหกรรมรถยนต์มีการผลิตที่ระดับต่ำสุดในรอบหลายสิบปี
สมาคมผู้ผลิตและผู้ค้ารถยนต์ (SMMT) เปิดเผยว่า ปริมาณการผลิตรถยนต์และรถแวน จะลดลงราว 1 ใน 3 สู่ระดับ 920,000 คันในปีนี้ และจะส่งผลกระทบต่อตำแหน่งงานราว 1 ใน 6 ตำแหน่ง
ทั้งนี้ รัฐบาลอังกฤษได้ออกนโยบายเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจรวมถึงช่วยเหลือโครงการพักงาน โดยจ่ายเงินช่วยเหลือราว 80% ของเงินเดือน หรือ ประมาณ 2,500 ปอนด์ (3,120 ดอลลาร์) ต่อเดือนให้กับพนักงานที่ถูกพักงานชั่วคราวจากผลกระทบของโรคระบาด
นายไมค์ ฮาเวส ซีอีโอของ SMMT ระบุว่า SMMT ต้องการมาตรการเพื่อสนับสนุนให้อุตสาหกรรมรถยนต์เริ่มการดำเนินงาน, เพื่อเพิ่มอุปสงค์, ปริมาณการผลิต และการขยายตัว
นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาตรการเพื่อช่วยส่งเสริมความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนฉุกเฉินได้อย่างไม่จำกัด
อุตสาหกรรมรถยนต์ซึ่งถือเป็นผู้ส่งออกสินค้ารายใหญ่ที่สุดของอังกฤษนั้น ยังวิตกด้วยว่า เงื่อนไขการค้ากับสหภาพยุโรป (EU) อาจย่ำแย่ลง เมื่อระยะเวลาเปลี่ยนผ่านของการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) สิ้นสุดลงในปลายปีนี้
SMMT ระบุว่า "Brexit แบบไม่มีข้อตกลง จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อแนวโน้มเหล่านี้ และปริมาณการผลิตรถยนต์อาจลดต่ำกว่า 850,000 คันภายในปี 2568 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2496"
รัฐบาลอังกฤษได้ให้สัญญาที่จะสนับสนุนธุรกิจต่างๆ ในการรับมือกับวิกฤตโควิด-19 ไปโดยตลอด และกำลังมีการเจรจาระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรปเพื่อทำข้อตกลงการค้าระหว่างกันซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ปีหน้าเป็นต้นไป