World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 25 มิถุนายน 2563

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday June 25, 2020 09:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 700 จุดเมื่อคืนนี้ (24 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐอาจทำให้รัฐบาลตัดสินใจใช้มาตรการล็อกดาวน์ประเทศอีกครั้ง ซึ่งจะสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อเศรษฐกิจในประเทศ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกทั้งในปีนี้และปีหน้า

-- นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐอย่างใกล้ชิด หลังจากมีรายงานระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในรัฐฟลอริดาพุ่งขึ้น 5,508 รายเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่อัตราการติดเชื้อในรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 15.91% จากเดิมที่ 10.82%

นอกจากนี้ รัฐนิวยอร์ก นิวเจอร์ซีย์ และคอนเนกติกัตมีคำสั่งให้กักตัวผู้ที่เดินทางมาจากต่างรัฐเป็นเวลา 14 วันเพื่อเฝ้าดูอาการติดเชื้อโควิด-19 ขณะที่รัฐวอชิงตันได้ออกคำสั่งให้ประชาชนทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ ส่วนรัฐแอริโซนาและเท็กซัสมีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังประกาศยกเลิกมาตรการที่เข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาดได้ไม่นาน

-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 2,424,493 ราย และมีผู้เสียชีวิต 123,476 ราย

ขณะนี้สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต โดยรัฐนิวยอร์กถือเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ โดยมีผู้ติดเชื้อสูงสุดในประเทศ จำนวน 412,636 ราย นอกจากนี้ รัฐนิวยอร์กยังมีผู้เสียชีวิตสูงสุดในสหรัฐ จำนวน 31,314 ราย

-- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะหดตัวลง 4.9% ในปีนี้ ซึ่งย่ำแย่กว่าที่คาดการณ์ในเดือนเม.ย.ว่าจะหดตัวลง 3% นอกจากนี้ IMF ยังได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้าสู่ระดับ 5.4% ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ในเดือนเม.ย.ว่าจะขยายตัว 5.8%

ทั้งนี้ IMF เตือนว่า สถานะทางการคลังของรัฐบาลประเทศต่างๆจะทรุดตัวลงอย่างหนัก จากผลกระทบที่รัฐบาลได้ทุ่มงบประมาณเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

นอกจากนี้ IMF ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจของไทย โดยคาดว่าจะหดตัวลง 7.7% ในปีนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขคาดการณ์ต่ำที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)

-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐแถลงว่า ทางกระทรวงได้เริ่มทำการสอบสวนกรณีการนำเข้ายางรถยนต์จากประเทศไทย เวียดนาม เกาหลีใต้ และไต้หวัน เพื่อพิจารณาว่ามีการจำหน่ายยางดังกล่าวในสหรัฐในราคาที่ต่ำกว่าระดับที่เหมาะสมหรือไม่

นอกจากนี้ กระทรวงฯยังสอบสวนว่าผู้ผลิตยางในเวียดนามได้รับการอุดหนุนที่ไม่เป็นธรรมสำหรับการผลิตยางรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถบรรทุกขนาดเบาหรือไม่

-- ราคาน้ำมันดิบ WIT ปิดตลาดร่วงลงกว่า 5% เมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน โดยปรับตัวขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าลดลง 100,000 บาร์เรล

ทางด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว

-- นายบิล เดอ บลาซิโอ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก กล่าวว่า นิวยอร์กอาจจะต้องพิจารณาเลิกจ้างพนักงานจำนวน 22,000 คน ซึ่งจะเป็นทางเลือกสุดท้ายในความพยายามเพื่อให้มีการประหยัดงบประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์

นายเดอ บลาซิโอกล่าวว่า หากนิวยอร์กไม่สามารถประหยัดงบประมาณจำนวน 1 พันล้านดอลลาร์ การปลดพนักงานก็จะเกิดขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงนี้

-- ผู้ว่าการของรัฐนิวยอร์ก, นิวเจอร์ซีย์ และคอนเนกติกัตออกแถลงการณ์ร่วมกันว่า ทั้ง 3 รัฐจะใช้มาตรการกักตัวเป็นเวลา 14 วันสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากรัฐที่มีการแพร่ระบาดอย่างหนักของไวรัสโควิด-19

-- ประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานี ผู้นำอิหร่าน กล่าวว่า อิหร่านพร้อมเจรจากับสหรัฐ หากสหรัฐกลับมายอมรับข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านปี 2558

"อิหร่านพร้อมกลับสู่โต๊ะเจรจา หากสหรัฐปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบของสหประชาชาติ และกลับมายอมรับข้อตกลงนิวเคลียร์ พร้อมกับขอโทษต่อชาวอิหร่าน และชดเชยความเสียหายที่ทำไว้กับอิหร่าน" นายรูฮานีกล่าว

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านในเดือนพ.ค.2561 และประกาศคว่ำบาตรต่ออิหร่าน

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ เยอรมนีเตรียมเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จาก GfK ด้านสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2563 และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ค.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้เตรียมเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย. ด้านฝรั่งเศสจะเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย. และสหรัฐเตรียมเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ