นักลงทุนจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิด หลังจากยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกทะลุหลัก 10 ล้านราย และยอดผู้เสียชีวิตมีมากกว่า 5 แสนรายแล้วในขณะนี้
ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานว่า ณ เวลา 17.33 น.ของวันอาทิตย์ตามเวลาสหรัฐ (ประมาณ 04.33 น.ตามเวลาไทยในวันนี้) ยอดผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ทั่วโลกอยู่ที่ 500,321 ราย ส่วนยอดติดเชื้อทั่วโลกอยู่ที่ 10,072,616 ราย
-- สหรัฐยังคงเป็นประเทศที่มียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากเป็นอันดับ 1 ของโลก โดยศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานว่า ยอดผู้ติดเชื้อในสหรัฐขณะนี้อยู่ที่ 2,544,169 ราย รองลงมาคือบราซิล 1,313,667 ราย, รัสเซีย 633,563 ราย, อินเดีย 528,859 ราย และสหราชอาณาจักร 312,640 ราย
นอกจากนี้ สหรัฐยังมียอดผู้เสียชีวิตมากเป็นอันดับ 1 ขอโลก โดยอยู่ที่ 125,768 ราย รองลงมาคือบราซิล 57,070 ราย, สหราชอาณาจักร 43,634 ราย, อิตาลี 34,738 ราย และฝรั่งเศส 29,781 ราย
-- วิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กำลังส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมพลังงาน โดยล่าสุด เชซาพีค เอเนอร์จี คอร์ป (Chesapeake Energy Corp) ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ของสหรัฐ ได้ยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 11 ของกฎหมายล้มละลายสหรัฐ โดยเชซาพีคเป็นหนึ่งในบริษัทพลังงานรายใหญ่ของสหรัฐที่ได้รับผลกระทบจากอุปสงค์น้ำมันและก๊าซที่ทรุดตัวลง อันเนื่องมาจากรัฐบาลประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ เชซาพีค เอเนอร์จี ได้ยื่นคำร้องดังกล่าวต่อศาลแขวงรัฐเท็กซัสเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า บริษัทมีทรัพย์สินและหนี้สินในวงเงิน 1-5 หมื่นล้านดอลลาร์ และมีเจ้าหนี้มากกว่า 100,000 ราย
-- นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ยอดขายโฆษณาบนเฟซบุ๊กจะขยายตัวเพียง 1% ในไตรมาสสอง และเพิ่มขึ้น 7% ในไตรมาสสามของปีนี้ โดยเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ที่เฟซบุ๊กเปิดขายหุ้น หลังเฟซบุ๊กถูกบริษัทรายใหญ่ๆ ประกาศแบนโฆษณา
นอกจากนี้ ยอดขายโฆษณาบนเฟซบุ๊กยังได้รับปัจจัยกดดันจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจอันเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้วย
ทั้งนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐได้ระงับการโฆษณาบนเฟซบุ๊ก เพื่อประท้วงกรณีที่เฟซบุ๊กไม่ได้ดำเนินการมากพอกับการโพสต์ข้อความที่ก่อให้เกิดความเกลียดชัง โดยบริษัทชั้นนำอย่าง ยูนิลีเวอร์, เวริซอน และเบนแอนด์เจอร์รีส์ ประกาศว่า จะยุติการโฆษณาบนเฟซบุ๊ก อันเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ที่เรียกว่า "Stop Hate for Profit"
-- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมจีนปรับตัวขึ้น 6% ในเดือนพ.ค. แตะที่ระดับ 5.8234 แสนล้านหยวน (8.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเป็นการดีดตัวขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2562 และเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจจีนกำลังฟื้นตัวจากผลกระทบของการชัตดาวน์ในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดอย่างหนัก
นายซู หง นักสถิติของ NBS กล่าวว่า การที่กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมจีนดีดตัวขึ้นในเดือนพ.ค.นั้น มาจากหลากหลายปัจจัย ซึ่งรวมถึงต้นทุนที่ปรับตัวลดลง และรายได้จากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมเหล็ก เคมีภัณฑ์ และพลังงาน
-- กรุงปักกิ่งของจีนได้ออกแนวทางควบคุมโรคโควิด-19 ฉบับใหม่ โดยเรียกร้องประชาชนสวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่างทางสังคม และล้างมือเป็นประจำต่อไป
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของกรุงปักกิ่งระบุว่า การสวมหน้ากากอนามัยถือเป็นข้อบังคับภายในโรงพยาบาล จุดชมวิวหรือท่องเที่ยวที่มีฝูงชนแออัด และระบบขนส่งสาธารณะ ขณะเดียวกันประชาชนที่มีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจก็ควรหลีกเลี่ยงการเยือนสถานที่สาธารณะ แต่หากมิอาจเลี่ยงได้ก็ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา
-- นายเจย์ อินส์ลี ผู้ว่าการรัฐวอชิงตันของสหรัฐ เปิดเผยว่า หน่วยงานสาธารณสุขรัฐวอชิงตันได้ระงับแผนการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ระยะที่ 4 เนื่องจากยังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายอินส์ลีระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังเพิ่มขึ้น และความวิตกกังวลที่ว่าการแพร่ระบาดจะดำเนินต่อไป ทำให้แผนผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ระยะที่ 4 ซึ่งจะเป็นการปลดล็อกข้อจำกัดต่าง ๆ นั้น ยังคงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในขณะนี้
นายอินส์ลีกล่าวว่า "การปลดล็อกเฟส 4 ซึ่งหมายความว่า เราจะสามารถกลับไปใช้ชีวิตกันได้ตามปกติ ตอนนี้ยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะยังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในรัฐของเรา"
-- สหรัฐประกาศเตือนอังกฤษครั้งใหม่ หลังรัฐบาลท้องถิ่นได้อนุมัติให้บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ยักษ์ใหญ่ด้านอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมของจีน สร้างศูนย์วิจัยและผลิตชิป มูลค่า 1 พันล้านปอนด์ (1.24 พันล้านดอลลาร์) ในแคมบริดจ์เชอร์
สมาชิกสภาเขตเซาธ์ เคมบริดจ์เชอร์ได้ลงมติ 9 ต่อ 1 เสียงในการอนุมัติสร้างศูนย์วิจัยและผลิตชิปของหัวเว่ยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (25 มิ.ย.) โดยหลังจากการอนุมัติดังกล่าวภายในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐก็ได้ออกมาประกาศย้ำเตือนกับอังกฤษว่า หัวเว่ยเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ โดยอ้างว่าหัวเว่ยมีความเชื่อมโยงกับพรรคคอมมิวนิสต์ของจีน
-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยอียูมีกำหนดเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือนมิ.ย. ขณะที่สหรัฐเตรียมเปิดเผยยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ค.
ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้เปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค. และยอดค้าปลีกเดือนพ.ค. ขณะที่ญี่ปุ่นเปิดเผย อัตราว่างงานเดือนพ.ค.และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค. จีนเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนมิ.ย.จากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนมิ.ย.จากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) อังกฤษเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2563 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) ทางด้านสหรัฐเตรียมเปิดเผยราคาบ้านเดือนเม.ย.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนมิ.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.จาก Conference Board