ธนาคารกลางเม็กซิโกเปิดเผยว่า นักวิเคราะห์การเงินปรับลดประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ของเม็กซิโกลงมาอยู่ที่ -8.80% ในเดือนมิ.ย. จาก -7.99% ในเดือนพ.ค.
ตัวเลขดังกล่าวเป็นการคาดการณ์ครั้งที่ 4 ของกลุ่มนักเศรษฐศาสตร์ภาคเอกชนนับตั้งแต่เม็กซิโกได้รายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายแรกเมื่อวันที่ 28 ก.พ. จนนำไปสู่การล็อกดาวน์และส่งผลให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก
สำหรับในปี 2564 คาดว่าจีดีพีของเม็กซิโกจะขยายตัว 2.8% ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 2.20% โดยตัวเลขคาดการณ์เหล่านี้ได้จากการสำรวจสถาบันการเงิน 35 แห่งในช่วงวันที่ 24-29 มิ.ย. โดยธนาคารกลางเม็กซิโก
ทั้งนี้ ในปี 2562 จีดีพีของเม็กซิโก ซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ในกลุ่มประเทศลาตินอเมริการองจากบราซิล หดตัวลง 0.3% ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบสิบปี
ส่วนการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อสำหรับปีนี้ ปรับขึ้นจาก 3.07% เป็น 3.34% ขณะที่ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อปี 2564 ปรับขึ้นจาก 3.45% มาอยู่ที่ 3.51%
โดยอัตราเงินเฟ้อของเม็กซิโกในปี 2562 อยู่ที่ 2.83% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 2559 และยังเป็นสถิติต่ำสุดอันดับ 2 ตั้งแต่มีการเก็บข้อมูลตัวเลขเงินเฟ้อ
ขณะที่ธนาคารกลางเม็กซิโกตั้งเป้าอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 3% โดยอนุญาตให้ปรับขึ้นหรือลงไม่เกิน 1%
ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินเปโซเม็กซิโกคาดว่าจะอยู่ที่ 22.66 เปโซต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี 2563 ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนก่อนซึ่งอยู่ที่ 23.02 เปโซต่อดอลลาร์สหรัฐ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สกุลเงินเปโซมีความผันผวนเพิ่มขึ้นในเดือนมี.ค.และเม.ย. เนื่องจากภาวะตลาดน้ำมันโลกที่ผันผวนและการระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก