ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดทำนิวไฮ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนมิ.ย. ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังว่า การฟื้นตัวของตลาดแรงงานจะเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจให้กลับมาขยายตัวอีกครั้ง อย่างไรก็ดี ดัชนีดาวโจนส์ลดแรงบวกในระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
-- จับตาตลาดหุ้นเอเชียวันนี้ คาดปรับตัวเพิ่มขึ้นตามตลาดหุ้นนิวยอร์กซึ่งปิดบวกเมื่อคืนนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนมิ.ย. ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังว่า การฟื้นตัวของตลาดแรงงานจะเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจให้กลับมาขยายตัวอีกครั้ง
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้ออกมาชื่นชมตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งกว่าคาดการณ์ของสหรัฐในเดือนมิ.ย. และกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังกลับมาผงาดอีกครั้ง แม้ว่าการฟื้นตัวจะตกอยู่ภายใต้การคุกคามจากการติดเชื้อโควิด-19 เป็นจำนวนมากอีกครั้งก็ตาม
-- วุฒิสภาสหรัฐมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ผ่านร่างกฎหมายลงโทษธนาคารที่ทำธุรกิจกับเจ้าหน้าที่ที่มีความเกี่ยวข้องกับกฎหมายความมั่นคงซึ่งจีนเพิ่งบังคับใช้กับฮ่องกง และเป็นกฎหมายที่ถูกมองว่าบั่นทอนเอกราชของฮ่องกง
ทั้งนี้ วุฒิสภาสหรัฐได้ลงมติผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว หลังจากสภาผู้แทนราษฎรให้ลงมติเห็นชอบไปแล้วเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ส่วนขั้นตอนต่อไปคือการส่งต่อให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป
ความเคลื่อนไหวของสหรัฐมีเป้าหมายที่จะแสดงออกถึงการสนับสนุนฮ่องกงซึ่งเพิ่งถูกจีนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคง โดยรัฐบาลสหรัฐมองว่าเป็นกฎหมายที่โหดร้าย เนื่องจากละเมิดสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน
-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 10,834,159 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 519,582 ราย
สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (2,780,152) รองลงมาคือบราซิล (1,453,369) รัสเซีย (661,165) อินเดีย (606,907) สหราชอาณาจักร (313,483) และสเปน (296,739)
นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (130,798) ตามมาด้วยบราซิล (60,713) สหราชอาณาจักร (43,906) อิตาลี (34,788) และฝรั่งเศส (29,861)
-- Kpler ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลด้านการส่งออกน้ำมัน เปิดเผยว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้ปรับลดการส่งออกน้ำมันดิบในเดือนมิ.ย.ลง 1.84 ล้านบาร์เรล/วัน จากระดับของเดือนพ.ค. มาอยู่ที่ระดับ 17.2 ล้านบาร์เรล/วัน ในขณะที่กลุ่มโอเปกยังคงดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันที่ทำร่วมกับรัสเซียและประเทศพันธมิตรรายอื่นๆ
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 1.43 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.35 ล้านราย
ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงมีจำนวนมากกว่า 1 ล้านรายติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 15 แม้ว่ารัฐต่างๆ ได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง
อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเมื่อคืนนี้ ต่ำกว่าที่มีการรายงานในสัปดาห์ที่แล้วที่ระดับ 1.48 ล้านราย
ขณะที่จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 59,000 ราย สู่ระดับ 19.3 ล้านรายในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20 มิ.ย.
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 4.8 ล้านตำแหน่งในเดือนมิ.ย. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 3 ล้านตำแหน่ง
ขณะที่อัตราการว่างงานเดือนมิ.ย. ลดลงสู่ระดับ 11.1% จากระดับ 13.3% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการลดลงเดือนที่สองติดต่อกัน ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าอัตราว่างงานจะอยู่ที่ 12.3%
รายงานระบุว่า การจ้างงานในภาคบริการการท่องเที่ยวและสันทนาการพุ่งขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ ภาคค้าปลีก การศึกษา และบริการสุขภาพมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเช่นกัน
สหรัฐขาดดุลการค้าเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันในเดือนพ.ค. เนื่องจากการส่งออกร่วงลงมากกว่าการนำเข้า ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการค้าทั่วโลก
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐขยายตัวเพิ่มขึ้น 9.7% ในเดือนพ.ค. สู่ระดับ 5.46 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2561 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 5.31 หมื่นล้านดอลลาร์
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐปรับตัวขึ้น 8% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบสามเดือน แต่ยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 8.9% หลังจากร่วงลง 13.5% ในเดือนเม.ย. และลดลง 11% ในเดือนมี.ค.
ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าทุนพื้นฐาน ที่ไม่รวมหมวดอาวุธและเครื่องบิน เพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนพ.ค. โดยยอดสั่งซื้อดังกล่าวถือเป็นมาตรวัดความเชื่อมั่น และแผนการใช้จ่ายในภาคธุรกิจ
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญวันนี้ ไฉซินมีกำหนดรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนมิ.ย. ของจีน เวลา 08.45 น. ตามเวลาไทย
จากนั้นมาร์กิตจะรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนมิ.ย. ของฝรั่งเศส เวลา 14.50 น. ของเยอรมนี เวลา 14.55 น. ของยูโรโซน เวลา 15.00 น. และของสหราชอาณาจักร เวลา 15.30 น.