ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ ขานรับความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 รวมทั้งผลประกอบการที่แข็งแกร่งของโกลด์แมน แซคส์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หรือ Beige Book ซึ่งระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้น หลังจากหลายรัฐในสหรัฐผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
-- ราคาน้ำมัน WTI อ่อนแรงลง 0.4% ในการซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกส์ช่วงเช้านี้ หลังจากที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตรหรือโอเปกพลัส มีมติผ่อนคลายข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน โดยเห็นชอบให้ปรับลดการผลิตเพียง 7.7 ล้านบาร์เรล/วัน จากปัจจุบันที่ปรับลด 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน โดยมติดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนส.ค.นี้ ไปจนถึงสิ้นปี 2563
การตัดสินใจดังกล่าวบ่งชี้ว่า จะมีน้ำมันดิบในปริมาณ 2 ล้านบาร์เรล/วันจากกลุ่มโอเปกพลัสไหลเข้าสู่ตลาดน้ำมันโลก โดยที่ประชุมโอเปกพลัสระบุว่า ความต้องการใช้น้ำมันเริ่มฟื้นตัวขึ้นจากการที่ประเทศต่างๆกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังประกาศมาตรการล็อกดาวน์ก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
-- นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุด นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐเปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐเตรียมจำกัดการออกวีซ่าให้กับพนักงานของบริษัทด้านเทคโนโลยีของจีน ซึ่งรวมถึงพนักงานของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ โดยอ้างเหตุผลว่าบริษัทเหล่านั้นมีส่วนสนับสนุนรัฐบาลจีนในการละเมิดสิทธิมนุษยชน
นายปอมเปโอให้เหตุผลว่า บริษัทเหล่านี้มีส่วนในการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวเว่ยที่สหรัฐมองว่ามีบทบาทในการช่วยรัฐบาลจีนปิดกั้นผู้เห็นต่างทางการเมือง และมีส่วนร่วมในค่ายกักกันซึ่งจีนเรียกอย่างเป็นทางการว่า "ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมอาชีพ"
-- โกลด์แมน แซคส์เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีผลประกอบการในไตรมาส 2 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยทางธนาคารสามารถทำสถิติรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 2 เมื่อเทียบรายไตรมาส ขณะที่รายได้จากการซื้อขายตราสารหนี้สูงสุดในรอบ 9 ปี
ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า ธนาคารมีกำไร 6.26 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.78 ดอลลาร์/หุ้น
-- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจจีนในวันนี้ โดยล่าสุด สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2563 ขยายตัว 3.2% ซึ่งฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่หดตัวลง 6.8% ในไตรมาส 1 และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพียง 2.5%
-- ธนาคารกลางเกาหลีใต้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.5% ในการประชุมวันนี้ หลังจากมีสัญญาณบ่งชี้เพียงเล็กน้อยว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวจากผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่มีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับราคาอสังหาริมทรัพย์ที่พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง
นักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของยอนฮัป อินโฟแมกซ์ คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า ธนาคารกลางเกาหลีใต้จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ และจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมไปจนถึงสิ้นปีนี้
-- นางยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าราชการกรุงโตเกียว ประกาศยกระดับการเตือนภัยการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สู่ระดับสูงสุดเมื่อวานนี้ ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่รัฐบาลประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉินในเดือนพ.ค.
ทั้งนี้ นางโคอิเกะยกระดับการเตือนภัยการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สู่ระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ซึ่งหมายความว่า "ไวรัสกำลังแพร่ระบาดออกไป"
-- บริษัทแอปเปิล อิงค์ ประสบชัยชนะ หลังจากที่ General Court ซึ่งเป็นศาลอุทธรณ์ยุโรป มีคำตัดสินให้คำสั่งของสหภาพยุโรป (EU) ในปี 2559 ในการบังคับให้แอปเปิลจ่ายภาษีย้อนหลังให้แก่รัฐบาลไอร์แลนด์เป็นจำนวนเงิน 1.3 หมื่นล้านยูโร (1.4 หมื่นล้านดอลลาร์) นั้น ถือเป็นโมฆะ
ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์ยุโรปมีคำวินิจฉัยว่า คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของ EU ไม่สามารถพิสูจน์ว่ารัฐบาลไอร์แลนด์ได้ให้สิทธิพิเศษทางด้านภาษีแก่บริษัทแอปเปิล
-- สหรัฐได้เดินหน้ากระบวนการสอบสวนกรณีการนำเข้ายางรถยนต์จากประเทศไทย เวียดนาม เกาหลีใต้ และไต้หวัน เพื่อพิจารณาว่ามีการจำหน่ายยางดังกล่าวในราคาที่ต่ำกว่าระดับที่เหมาะสมหรือไม่
การสอบสวนดังกล่าวมีความคืบหน้าอีกขั้นหนึ่ง จากการที่คณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ (ITC) ลงมติเห็นชอบให้การสอบสวนดำเนินต่อไป หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้เริ่มการสอบสวนดังกล่าวเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. โดยได้รับการร้องเรียนจากสหภาพแรงงานยูไนเต็ด สตีลเวิร์คเกอร์ (USW) ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ผลิตยางรถยนต์ของสหรัฐ
-- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก รายงานว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 17.2 ในเดือนก.ค. หลังจากแตะระดับ -0.2 ในเดือนมิ.ย. ดัชนีอยู่เหนือระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิตในนิวยอร์ก โดยดัชนีมีค่าเป็นบวกครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.พ.
-- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐพุ่งขึ้น 5.4% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการดีดตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 หลังจากปรับตัวขึ้น 1.4% ในเดือนพ.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมจะปรับตัวขึ้น 4% ในเดือนมิ.ย.
-- นายเควิน สติทท์ ผู้ว่าการรัฐโอกลาโฮมา ประกาศยอมรับเมื่อวานนี้ว่า เขาได้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้นายสติทท์เป็นผู้ว่าการรัฐคนแรกของสหรัฐที่ออกมายืนยันอย่างเป็นทางการว่าติดเชื้อโควิด-19 นับตั้งแต่มีการระบาดในสหรัฐ
"ผมได้เข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อวานนี้ ซึ่งผลออกมาเป็นบวก" นายสติทท์กล่าว
-- นายโรเบิร์ต เรดฟิลด์ ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ภายในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ ถ้าทุกคนเริ่มสวมหน้ากากอนามัย
"ผมคิดว่าถ้าเราสามารถทำให้ทุกคนใส่หน้ากากอนามัยในขณะนี้ ผมก็คิดว่าในช่วงเวลา 4,6,8 สัปดาห์ข้างหน้า เราก็จะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส" นายเรดฟิลด์กล่าว
-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญวันนี้ โดยอังกฤษเตรียมเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนพ.ค. ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะจัดประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย และสหรัฐจะเปิดเผย จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย., ดัชนีการผลิตเดือนก.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ค.
ส่วนในวันพรุ่งนี้ อังกฤษมีกำหนดเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.ค.จากสถาบัน Gfk สหภาพยุโรป (EU) จะเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนมิ.ย. และสหรัฐจะเปิดเผย ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนมิ.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน