ผู้นำจาก 27 ชาติของสหภาพยุโรป (EU) ได้บรรลุข้อตกลงในการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูวงเงิน 7.5 แสนล้านยูโรในวันนี้ ซึ่งถือเป็นข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ EU ให้ฟื้นตัวจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
เม็ดเงินในกองทุนฟื้นฟูดังกล่าวประกอบด้วยเงินกู้และเงินให้เปล่าในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า โดยเงินกู้นั้นจะชำระเงินคืนด้วยเงินรายได้จากการเก็บภาษี
ทั้งนี้ รายละเอียดเกี่ยวกับกองทุนฟื้นฟูประกอบด้วย
1. คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) จะกู้ยืมเงินจากตลาดจำนวนมาก และจากนั้นจะนำไปจัดสรรให้กับบรรดาประเทศที่จำเป็นต้องได้รับการกระตุ้นด้านเศรษฐกิจมากที่สุด โดยผู้นำ EU ได้ตกลงที่จะให้ EC ดำเนินการกู้ยืมเงิน 7.5 แสนล้านยูโรผ่านการออกตราสารหนี้ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AAA ซึ่งในเงินจำนวนนี้ จะถูกแบ่งออกมา 3.90 แสนล้านยูโรเพื่อเป็นเงินให้เปล่าแก่ประเทศสมาชิกที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ส่วนอีก 3.60 แสนล้านยูโรจะนำไปปล่อยกู้ที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ
2. การอนุมัติจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูในครั้งนี้ จะช่วยให้ EU มีเงินสดเพียงพอที่จะชำระคืนเงินกู้ได้ภายในปี 2601 โดยผู้นำ EU ได้ตกลงกันว่า:
2.1 เยอรมนี สวีเดน และเนเธอร์แลนด์ จะต้องสูญเสียเงินคืนภาษีจากการจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ให้กับ EU ในปัจจุบัน
2.2 ประเทศสมาชิก EU จะต้องจ่ายภาษีพลาสติกที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ และจะต้องนำส่งภาษีนั้นให้กับกองคลัง EU
2.3 นับตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป บรรดาประเทศสมาชิกที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำกว่ามาตรฐานของ EU จะต้องนำส่งภาษีสินค้าให้กับกองคลังของ EU
2.3 ภาษีการทำธุรกรรมด้านการเงินถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง และ EU จะได้รับรายได้จากการขยายขอบข่ายระบบควบคุมการปล่อยมลภาวะให้ครอบคลุมถึงอุตสาหกรรมเดินเรือทะเล และอุตสาหกรรมการบิน
ทั้งนี้ ภาษีชนิดใหม่ดังกล่าวจะถูกจัดสรรเพื่อนำไปจ่ายคืนเงินกู้วงเงิน 7.5 แสนล้านดอลลาร์ แต่การเก็บภาษีดังกล่าวจะเกิดขึ้นในอีก 38 ปีข้างหน้า
3. การอนุมัติจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูจะนำไปสู่การเบิกจ่ายเงินให้กับประเทศต่างๆ ที่มีแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจ การสร้างงาน รวมถึงการเพิ่มความยืดหยุ่นทางสังคมและเศรษฐกิจ นอกจากนี้ จะต้องเป็นแผนเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีความเป็นดิจิทัลมากขึ้น อีกทั้งต้องสอดคล้องกับคำแนะนำรายปีของคณะกรรมาธิการยุโรป
การเบิกจ่ายเงินให้กับประเทศสมาชิกนั้น จะร้องได้รับการอนุมัติด้านคุณสมบัติจากรัฐบาลของกลุ่ม EU และจะต้องเชื่อมโยงกับเป้าหมายและข้อตกลงที่ทำขึ้นในที่ประชุม หากรัฐบาลของ EU เชื่อว่าเป้าหมายดังกล่าวไม่สามารถบรรลุผลที่น่าพอใจ ก็สามารถเรียกร้องให้กลุ่มผู้นำ EU เปิดการอภิปรายภายในระยะเวลา 3 เดือน