ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นที่ปรับตัวตามวัฎจักรเศรษฐกิจ เช่นกลุ่มธนาคารและกลุ่มพลังงาน นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับข่าวผู้นำสหภาพยุโรป (EU) บรรลุข้อตกลงจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมทั้งความหวังที่ว่ารัฐบาลสหรัฐจะออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19
-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 3% เมื่อคืนนี้ ขานรับความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 รวมทั้งการที่สหภาพยุโรป (EU) บรรลุข้อตกลงในการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 7.5 แสนล้านยูโร เพื่อเยียวยาเศรษฐกิจ EU จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยวงเงินดังกล่าวประกอบด้วยเงินให้เปล่าจำนวน 3.90 แสนล้านยูโร และเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำจำนวน 3.60 แสนล้านยูโร
-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 9 ปีเมื่อคืนนี้ โดยได้ปัจจัยหนุนจากความหวังที่ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐและสหภาพยุโรป (EU) จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นแรงซื้อทองคำ
-- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก เปิดเผยว่า ดัชนี Chicago Fed National Activity Index (CFNAI) ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 4.11 ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.0 หลังจากแตะระดับ 3.5 ในเดือนพ.ค.
การดีดตัวของดัชนีได้แรงหนุนจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ โดยมีการเปิดเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งทำให้ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐจำนวน 31 รายการปรับตัวลงในเดือนมิ.ย. ขณะที่ 54 รายการมีค่าเป็นบวก
นักวิเคราะห์ระบุว่า ดัชนี CFNAI ถือเป็นตัวชี้วัดที่ดีที่สุดในการประเมินความเสี่ยงในการเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐ
-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 15,091,880 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 619,410 ราย
สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (4,028,569) รองลงมาคือบราซิล (2,166,532), อินเดีย (1,194,085), รัสเซีย (783,328), แอฟริกาใต้ (381,798) และเปรู (362,087)
นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (144,953) ตามมาด้วยบราซิล (81,597), สหราชอาณาจักร (45,422), เม็กซิโก (40,400) และอิตาลี (35,073)
-- กระทรวงยุติธรรมสหรัฐยื่นฟ้องชาวจีน 2 คนในข้อหาแฮกข้อมูลของผู้รับเหมาที่ได้รับสัญญาจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐ รวมทั้งข้อมูลของสถาบันวิจัยโควิด-19 รวมทั้งบริษัทอีกหลายแห่งทั่วโลก
ทั้งนี้ ในการยื่นฟ้องต่อศาลในวันนี้ กระทรวงยุติธรรมระบุว่า นายหลี่ เสี่ยวหยู และนายต่ง เจียเฉอ ได้ทำการจารกรรมข้อมูลเกี่ยวกับการออกแบบอาวุธ ข้อมูลในการผลิตยา และอื่นๆ
คำฟ้องระบุว่า ผู้ต้องสงสัยทั้งสองได้ทำการแฮกข้อมูลตั้งแต่ปี 2557-2563 และล่าสุดพยายามขโมยข้อมูลเกี่ยวกับการวิจัยมะเร็ง
-- นายแอนตัน ซิลูอานอฟ รัฐมนตรีคลังรัสเซีย ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาของเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของชาติตะวันตกที่ว่า แฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยข่าวกรองของรัสเซียกำลังพยายามขโมยข้อมูลเกี่ยวกับการวิจัยวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จากหน่วยงานและสถาบันต่างๆ
นายซิลูอานอฟระบุว่า ไม่มีแฮกเกอร์ที่ทำงานให้แก่รัฐบาลรัสเซีย และรัสเซียไม่มีความสนใจในการพัฒนาวัคซีนจากชาติอื่น เนื่องจากรัสเซียกำลังพัฒนาวัคซีนของตนเอง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐ แคนาดา และสหราชอาณาจักร ออกแถลงการณ์ระบุว่า แฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยข่าวกรองของรัสเซียกำลังพยายามขโมยข้อมูลเกี่ยวกับการวิจัยวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จากหน่วยงานและสถาบันต่างๆ ทั่วโลก
เจ้าหน้าที่กล่าวว่า กลุ่มแฮกเกอร์ดังกล่าว ซึ่งใช้ชื่อว่า APT29 หรือรู้จักกันในนาม Cozy Bear ได้ทำการโจมตีสถาบันวิจัยต่างๆ โดยใช้มัลแวร์ และเทคนิคที่เรียกว่า spear-phishing
-- รัฐบาลอินโดนีเซียเปิดเผยในวันนี้ว่า อินโดนีเซียร่วมกับ Sinovac Biotech ซึ่งเป็นบริษัทยาของจีน จะผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในเดือนม.ค.2564 หลังจากสิ้นสุดช่วงการทดลองวัคซีนในเฟสสุดท้าย
ทั้งนี้ Sinovac Biotech ได้พัฒนาวัคซีนดังกล่าวร่วมกับทีมนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยของอินโดนีเซีย รวมทั้ง PT Bio Farma ซึ่งเป็นบริษัทยาของรัฐบาลอินโดนีเซีย
ในระยะแรก หลังจากเสร็จสิ้นการทดลองทางคลินิก และมีการออกใบอนุญาตสำหรับการแจกจ่ายวัคซีน อินโดนีเซียจะผลิตวัคซีนราว 40 ล้านโดสต่อปี และจะเพิ่มขึ้นเป็น 100 ล้านโดส จนถึง 250 ล้านโดสต่อปี
ขณะนี้วัคซีนดังกล่าวได้ผ่านการทดลองทางคลินิกในเฟส 1 และเฟส 2 แล้ว ซึ่งทั้ง 2 เฟสมีการดำเนินการในจีน โดยทดลองกับอาสาสมัคร 700 ราย
-- สหรัฐมีกำหนดการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ ได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ค., ยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)
ส่วนในวันพรุ่งนี้ เยอรมนีจะเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.จากสถาบัน GfK ขณะที่สหรัฐเตรียมเปิดเผยสหรัฐจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนมิ.ย.จาก Conference Board