สื่อต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะเริ่มให้เงินอุดหนุนกับบางบริษัทเพื่อให้ลงทุนด้านการผลิตในประเทศญี่ปุ่น หรือในประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากญี่ปุ่นพยายามที่จะลดการพึ่งพาการผลิตในจีน
กระทรวงเศรษฐกิจ, การค้าและอุตสาหกรรม (METI) ของญี่ปุ่นเปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า บริษัท 57 แห่งจะได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น วงเงินรวมทั้งสิ้น 5.74 หมื่นล้านเยน (536 ล้านดอลลาร์) เพื่อลงทุนด้านการผลิตในประเทศญี่ปุ่น
นอกจากนี้ บริษัทอีก 30 แห่งจะได้รับเงินอุดหนุนสำหรับการลงทุนด้านการผลิตในเวียดนาม, เมียนมา, ไทย และประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งนี้ ขณะที่แถลงการณ์ของ METI ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า รัฐบาลญี่ปุ่นให้เงินอุดหนุนดังกล่าวเพื่อให้บริษัทต่างๆ ย้ายฐานการผลิตออกจากจีน นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้เปิดเผยในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาว่า ญี่ปุ่นจำเป็นต้องนำการผลิตกลับประเทศหรือกระจายการผลิตไปยังประเทศในภูมิภาคเอเชีย และที่อื่นๆ เพื่อลดการพึ่งพาประเทศใดประเทศหนึ่ง อาทิ จีน
หนังสือพิมพ์นิกเกอิรายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะจ่ายเงินรวมทั้งสิ้น 7 หมื่นล้านเยนในรอบนี้ โดยมาจากวงเงิน 2.435 แสนล้านเยนที่รัฐบาลจัดสรรในเดือนเม.ย.เพื่อลดการพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานของจีน โดยเงินดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือบริษัทต่างๆ ให้ย้ายโรงงานกลับญี่ปุ่น หรือย้ายไปยังประเทศอื่นๆ
ทั้งนี้ จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นภายใต้สถานการณ์ปกติ และบริษัทญี่ปุ่นมีการลงทุนเป็นจำนวนมากในจีน แต่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ทำลายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจเหล่านั้น รวมถึงทำลายภาพลักษณ์ของจีนในญี่ปุ่นด้วย
รัฐบาลของนายอาเบะได้พยายามที่จะปรับปรุงความสัมพันธ์กับจีนมาเป็นเวลาหลายปี แต่ผลกระทบจากโรคระบาดและความขัดแย้งด้านดินแดนเกี่ยวกับหมู่เกาะเซ็งกากุหรือหมู่เกาะเตียวหยู รวมถึงแหล่งก๊าซในทะเลจีนตะวันออกนั้น ได้บั่นทอนความพยายามดังกล่าว