นายอเล็กซ์ อาซาร์ รมว.สาธารณสุขสหรัฐ กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐจะจ่ายเงินจำนวน 1.95 พันล้านดอลลาร์ให้แก่ไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เพื่อให้มีการผลิตและส่งมอบวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จำนวน 100 ล้านโดสให้แก่รัฐบาล หากวัคซีนดังกล่าวได้รับการรับรองว่ามีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ในมนุษย์
นอกจากนี้ ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว รัฐบาลสหรัฐสามารถได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 เพิ่มขึ้นอีก 500 ล้านโดสจากทางบริษัท
ขณะนี้ ไฟเซอร์กำลังพัฒนาวัคซีนดังกล่าวร่วมกับ BioNTech ซึ่งเป็นบริษัทยาของเยอรมนี
"ภายใต้โครงการ Operation Warp Speed เรากำลังสร้างพอร์ทฟอลิโอของวัคซีนที่จะทำให้ชาวอเมริกันมีวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งตัวที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพอย่างเร็วที่สุดในปลายปีนี้" นายอาซาร์กล่าว
ขณะนี้ สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต โดยข้อมูลล่าสุดระบุว่า สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มากกว่า 4 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตเกือบ 145,000 ราย
การทำข้อตกลงระหว่างรัฐบาลสหรัฐและไฟเซอร์มีขึ้น หลังจากที่บริษัทเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ไฟเซอร์และ BioNTech ได้ทำข้อตกลงกับรัฐบาลอังกฤษในการส่งมอบวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จำนวน 30 ล้านโดสในปี 2563-2564
ไฟเซอร์และ BioNTech ระบุว่าจะมีการจัดส่งวัคซีนแก่รัฐบาลอังกฤษ ทันทีที่วัคซีนดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ไฟเซอร์และ BioNTech ยังเปิดเผยว่า ทั้งสองบริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับรัฐบาลหลายประเทศในการจัดส่งวัคซีนดังกล่าว โดยคาดว่าจะมีการประกาศข้อตกลงในไม่ช้า
ก่อนหน้านี้ ไฟเซอร์และ BioNTech ระบุว่า ทั้งสองบริษัทได้รับสถานะ "fast track" จากสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ในการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะทำให้ทางบริษัทได้รับการผ่อนคลายกฎระเบียบจาก FDA และส่งผลให้การพัฒนาวัคซีนเป็นไปอย่างรวดเร็ว
ขณะนี้ วัคซีน BNT162b1 และ BNT162b2 ถือเป็นวัคซีน 2 ตัวที่มีความคืบหน้ามากที่สุดของไฟเซอร์และ BioNTech จากทั้งหมด 4 ตัว
ไฟเซอร์และ BioNTech เปิดเผยว่า หากวัคซีนดังกล่าวได้รับการอนุมัติจาก FDA ทางบริษัทจะสามารถผลิตวัคซีนจำนวน 100 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้ และ 1.3 พันล้านโดสภายในสิ้นปีหน้า
นอกจากนี้ ไฟเซอร์และ BioNTech เตรียมทำการทดลองกับอาสาสมัครจำนวน 30,000 รายภายในเดือนนี้ หากได้รับการอนุมัติจาก FDA