ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลง 353.51 จุด หรือ 1.31% เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมถึงหุ้นแอปเปิลและไมโครซอฟท์ซึ่งอยู่ใน 30 หลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนีดาวโจนส์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่สูงกว่าคาดในสหรัฐ และความกังวลที่ว่าความขัดแย้งทางการเมืองในสหรัฐอาจส่งผลกระทบต่อการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่
-- คาดตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงตามดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก โดยตลาดได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 1.416 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.3 ล้านราย โดยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงมีจำนวนมากกว่า 1 ล้านรายติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 18 แม้ว่ารัฐต่างๆได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และเปิดเศรษฐกิจครั้งใหม่
-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 15,403,898 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 631,003 ราย
สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (4,101,308) รองลงมาคือบราซิล (2,231,871), อินเดีย (1,241,654), รัสเซีย (795,038), แอฟริกาใต้ (394,948) และเปรู (366,550)
นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (146,192) ตามมาด้วยบราซิล (82,890), สหราชอาณาจักร (45,501), เม็กซิโก (41,190) และอิตาลี (35,082)
-- ข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่า อินโดนีเซียยังคงเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิตสูงที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียเปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่มีจำนวน 1,906 รายในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมรวม 93,657 ราย
ขณะนี้ การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ลุกลามไปทั้ง 34 จังหวัดของอินโดนีเซีย
นอกจากนี้ ผู้เสียชีวิตรายใหม่จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 117 ราย ส่งผลให้ขณะนี้อินโดนีเซียมีจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมรวม 4,576 ราย
-- รัฐบาลมาเลเซียประกาศให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย หลังจากพบว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รัฐบาลมาเลเซียมีคำสั่งให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย ขณะใช้บริการขนส่งสาธารณะ และในการเดินทางไปยังที่สาธารณะที่มีประชาชนจำนวนมาก โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.
ผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าวจะถูกปรับเป็นเงิน 1,000 ริงกิต
-- นายไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า จีนได้"ซื้อตัว"นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO
ทั้งนี้ นายปอมเปโอกล่าวต่อสมาชิกสภานิติบัญญัติของอังกฤษว่า ข่าวกรองที่เชื่อถือได้บ่งชี้ว่า จีนได้ทำข้อตกลงเพื่อสนับสนุนให้นายแพทย์ทีโดรสเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO โดยการที่จีนเข้าแทรกแซงการเลือกตั้งผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO ในปี 2560 ได้ส่งผลให้นายแพทย์ทีโดรสชนะการเลือกตั้ง และขึ้นเป็นผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO
อย่างไรก็ดี นายแพทย์ทีโดรสได้ปฏิเสธข่าวดังกล่าว ว่าไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด และเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
"WHO จะไม่สนใจต่อคำพูดเหล่านี้ และเราไม่ต้องการให้ชาติต่างๆไขว้เขวไปกับคำกล่าวดังกล่าว" นายแพทย์ทีโดรสกล่าว
-- บริษัท ทวิตเตอร์ อิงค์ ประสบภาวะขาดทุนในไตรมาส 2 ขณะที่รายได้ต่ำกว่าคาด โดยได้รับผลกระทบจากรายได้โฆษณาที่ลดลง
ทั้งนี้ ทวิตเตอร์เปิดเผยว่า บริษัทมีตัวเลขขาดทุน 1.39 ดอลลาร์/หุ้น โดยถูกกระทบจากการขาดทุน 1.1 พันล้านดอลลาร์ที่เกี่ยวข้องกับการชำระภาษี ส่งผลให้การรายงานตัวเลขขาดทุนของบริษัทไม่สามารถเปรียบเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ที่ระดับ 683 ล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 707 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ดี จำนวนสมาชิกของทวิตเตอร์อยู่ที่ระดับ 186 ล้านราย สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 172 ล้านราย
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 1.416 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.3 ล้านราย
นอกจากนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเมื่อคืนนี้ สูงกว่าที่มีการรายงานในสัปดาห์ที่แล้วที่ระดับ 1.307 ล้านราย ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 4 เดือนที่ตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบรายสัปดาห์ หลังจากพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์สู่ระดับ 6.867 ล้านรายในช่วงปลายเดือนมี.ค.
ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงมีจำนวนมากกว่า 1 ล้านรายติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 18 แม้ว่ารัฐต่างๆได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และได้เปิดเศรษฐกิจครั้งใหม่
ขณะเดียวกัน จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลงสู่ระดับ 16.197 ล้านรายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 11 ก.ค. จากระดับ 17.304 ล้านรายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ หลังจากพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์สู่ระดับ 24.912 ล้านรายในช่วงต้นเดือนพ.ค.
Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ดีดตัวขึ้น 2.0% สู่ระดับ 102.0 ในเดือนมิ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 3.2% ในเดือนพ.ค. และร่วงลง 6.3% ในเดือนเม.ย.
Conference Board ระบุว่า การฟื้นตัวของดัชนี LEI ในเดือนมิ.ย. สะท้อนถึงการเปิดเศรษฐกิจครั้งใหม่ หลังจากที่กิจกรรมในภาคธุรกิจหยุดชะงักลงจากการที่รัฐบาลใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ ดัชนี LEI ถือเป็นสิ่งบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ โดยคำนวณจากตัวเลขเศรษฐกิจ 10 รายการ ซึ่งรวมถึง คำสั่งซื้อใหม่ของภาคการผลิต, ราคาหุ้น และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญวันนี้ มาร์กิตเตรียมรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-บริการขั้นต้นเดือนก.ค. ของฝรั่งเศส เวลา 14.15 น. ตามเวลาไทย ต่อด้วยของเยอรมนี เวลา 14.30 น. ของยูโรโซน เวลา 15.00 น. ของอังกฤษ เวลา 15.30 น. และของสหรัฐ เวลา 20.45 น.