World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 30 กรกฎาคม 2563

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 30, 2020 17:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รัฐบาลอังกฤษได้ประกาศแผนการที่จะแก้ไขปัญหาโรคอ้วน โดยออกคำสั่งห้ามโฆษณาอาหารขยะก่อนเวลา 3 ทุ่ม การยกเลิกโปรโมชัน "ซื้อ 1 แถม 1" สำหรับอาหารขยะ และการกำหนดให้ระบุแคลอรี่ของอาหารแต่ละอย่างในรายการอาหารด้วย

-- ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและชิปหน่วยความจำรายใหญ่ของเกาหลีใต้ เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 2/2563 โดยได้แรงหนุนจากความต้องการชิปที่เพิ่มขึ้น และกำไรพิเศษจากธุรกิจผลิตจอภาพ

ทั้งนี้ ผลประกอบการของซัมซุงที่มีการเปิดเผยในวันนี้ สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ที่มีการเผยแพร่ในช่วงต้นเดือนนี้ และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

-- นายแพทย์แอนโทนี ฟอซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐ และเป็นนายแพทย์ใหญ่ของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการควบคุมไวรัสโควิด-19 ของทำเนียบขาว เตือนว่า หลายรัฐในสหรัฐ รวมทั้งโอไฮโอ เทนเนสซี เคนทักกี และอินเดียนาควรตื่นตัวเพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งสูงขึ้นเหมือนกับที่เกิดขึ้นในรัฐทางตอนใต้และตะวันตกของสหรัฐ

-- นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐประกาศว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและเจ้าหน้าที่ทุกคนต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยในสภาผู้แทนราษฎร ในช่วงเวลาที่ไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาด

นางเพโลซีคาดหวังว่า ส.ส.และเจ้าหน้าที่ทุกคนจะปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวเพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อสุขภาพและความปลอดภัยของผู้อื่นในสภาและพื้นที่อื่นๆโดยรอบ โดยจะอนุญาตให้ถอดหน้ากากอนามัยได้เฉพาะตอนขึ้นพูดในสภาเท่านั้น

-- คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) แถลงในวันนี้ว่า ณ วันพุธที่ 29 ก.ค. พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในประเทศจีนจำนวน 105 ราย โดยในจำนวนนี้เป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศถึง 102 ราย และอีก 3 รายเป็นผู้ติดเชื้อที่มาจากต่างประเทศ

ในจำนวนผู้ติดเชื้อภายในประเทศนั้น พบว่า 96 รายอยู่ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ขณะที่ 5 รายอยู่ในมณฑลเหลียวหนิง และอีก 1 รายที่อยู่ในกรุงปักกิ่ง

-- บริษัทวิจัย Canalys เปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ของจีน ขึ้นมาครองตำแหน่งเป็นผู้จำหน่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ที่สุดของโลกในไตรมาส 2/2563 แทนที่บริษัทซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ของเกาหลีใต้ โดยหัวเว่ยมียอดขายโทรศัพท์มือถือ 55.8 ล้านเครื่อง เมื่อเทียบกับของซัมซุงที่ 53.7 ล้านเครื่อง

-- บริษัทโบอิ้ง โค ประกาศยุติสายการผลิตเครื่องบินรุ่นโบอิ้ง 747 ในปี 2565 เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ปริมาณการเดินทางทั่วโลกลดลง และปัจจุบันเครื่องบินรุ่นประหยัดเชื้อเพลิงกำลังครองตลาดการบิน

-- แอร์บัส บริษัทผลิตเครื่องบินรายใหญ่ของฝรั่งเศส ประกาศลดการผลิตเครื่องบินรุ่น A350 ครั้งใหม่ในวันนี้ หลังจากบริษัทประสบภาวะขาดทุนสูงกว่าคาดในไตรมาส 2/2563 อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลก

-- ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานในวันนี้ว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกทะลุหลัก 17 ล้านรายแล้ว โดยขณะนี้อยู่ที่ 17,029,155 ราย และยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลกอยู่ที่ 667,011 ราย

-- รัฐบาลกรุงโตเกียวยืนยันในวันนี้ว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในวันเดียวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 367 ราย ซึ่งเพิ่มความวิตกกังวลว่าการระบาดเพิ่มขึ้นอาจแพร่กระจายออกไปนอกกรุงโตเกียวซึ่งเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่น

-- กระทรวงสาธารณสุขอินเดียเปิดเผยในวันนี้ว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มอีก 775 ราย และพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 52,123 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 34,968 ราย และยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 1,583,792 ราย

ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่มีการรายงานในวันนี้ ถือเป็นสถิติเพิ่มขึ้นรายวันสูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในอินเดีย

-- ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (สแตนชาร์ด) เตรียมที่จะเริ่มปรับลดพนักงานรอบใหม่ทั่วโลก โดยทางธนาคารได้กำหนดรายชื่อพนักงานจำนวนหลายร้อยคนที่จะถูกเลิกจ้าง ซึ่งในขณะนี้สแตนชาร์ดมีพนักงานทั่วโลกประมาณ 85,000 คน

สแตนชาร์ดระบุในแถลงการณ์ว่า การปรับลดจำนวนพนักงานครั้งใหม่นี้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ในการเปลี่ยนแปลงของธนาคาร และเพื่อรับประกันขีดสามารถในการแข่งขันของธนาคารในอนาคต นอกจากนี้ สแตนชาร์ดยังยืนยันว่า การปรับลดพนักงานในครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากผลกระทบของโรคโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาด

-- พานาโซนิค เปิดเผยในวันนี้ว่า บริษัทขาดทุนสุทธิ 9.83 พันล้านเยน (93 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในไตรมาสเดือนเม.ย.-มิ.ย. เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลให้ยอดขายในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ เครื่องบิน และเครื่องใช้ในบ้าน ทรุดตัวลง

-- รอยัล ดัชท์ เชลล์ บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่สัญชาติดัทช์และอังกฤษ รายงานผลกำไรสุทธิประจำไตรมาส 2 ทรุดฮวบลง เนื่องจากความโกลหลที่เกิดขึ้นในตลาดพลังงาน ประกอบกับราคาน้ำมันและก๊าซที่ปรับตัวลดลงอย่างมาก

-- สำนักงานสถิติเยอรมนีเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 หดตัว 10.1% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากการใช้จ่ายภาคครัวเรือน การลงทุนและการส่งออกต่างได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

สำนักงานสถิติระบุว่า "นี่เป็นสถิติที่หดตัวมากที่สุดนับตั้งแต่ที่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลเมื่อปี 2513"

นอกจากนี้ เมื่อเทียบเป็นรายปี GDP ไตรมาส 2/63 ของเยอรมนีปรับตัวลดลง 11.7%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ