รัฐบาลสหรัฐทำข้อตกลงวงเงิน 2.1 พันล้านดอลลาร์กับบริษัทแกล็กโซสมิทไคล์น (GSK) ซึ่งเป็นบริษัทยาของอังกฤษ และบริษัทซาโนฟี ปาสเตอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนของฝรั่งเศส เพื่อพัฒนาและส่งมอบวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จำนวน 100 ล้านโดส ทันทีที่วัคซีนดังกล่าวได้รับการรับรองว่ามีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ในมนุษย์
นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐยังมีสิทธิที่จะสั่งซื้อวัคซีนเพิ่มเติมอีก 500 ล้านโดส
การทำข้อตกลงดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่เมื่อวานนี้ รัฐบาลอังกฤษได้ลงนามในข้อตกลงกับบริษัททั้งสองเพื่อซื้อวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จำนวน 60 ล้านโดส
ทั้งนี้ GSK และซาโนฟีมีความสามารถในการผลิตวัคซีนสูงสุดในโลก โดยได้รับประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยีที่อิง DNA ของซาโนฟีใน การผลิตวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล
วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของ GSK และซาโนฟีจะเริ่มมีการทดลองในมนุษย์ในเดือนก.ย. และจะมีการศึกษาในเฟส 3 ในเดือนธ.ค.
นอกจากนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลสหรัฐยังได้ทำข้อตกลงวงเงิน 1.95 พันล้านดอลลาร์กับบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เพื่อให้มีการผลิตและส่งมอบวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จำนวน 100 ล้านโดสให้แก่รัฐบาล โดยภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว รัฐบาลสหรัฐยังสามารถสั่งซื้อวัคซีนเพิ่มเติมอีก 500 ล้านโดสจากทางบริษัท
ขณะนี้ ไฟเซอร์กำลังพัฒนาวัคซีนดังกล่าวร่วมกับ BioNTech ซึ่งเป็นบริษัทยาของเยอรมนี
สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต โดยข้อมูลล่าสุดระบุว่า สหรัฐมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 4.6 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 155,000 ราย