ทำเนียบขาวและสมาชิกพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรสสหรัฐยังคงเดินหน้าเจรจากันเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ขณะที่รายงานล่าสุดระบุว่า พรรคเดโมแครตเพิ่มข้อเรียกร้องจากพรรครีพับลิกัน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายสามารถทำข้อตกลงกันได้ภายในช่วงสุดสัปดาห์นี้
นายชัค ชูเมอร์ แกนนำของพรรคเดโมแครตในวุฒิสภาสหรัฐกล่าวว่า "ในขณะที่เราเร่งผลักดันให้การทำข้อตกลงมีความคืบหน้านั้น เราก็ต้องการให้พันธมิตรของเราในทำเนียบขาวยอมผ่อนปรนมากขึ้นในหลายๆ ประเด็น"
ทางด้านนายมาร์ค มีโดว์ส หัวหน้าคณะทำงานของทำเนียบขาวเตือนว่า ขณะนี้เหลือเวลาไม่มากนักในการเจรจา พร้อมกับกล่าวว่า คณะบริหารของรัฐบาลสหรัฐและพรรครีพับลิกันยอมผ่อนปรนเงื่อนไขมากกว่าพรรคเดโมแครตในระหว่างการเจรจาร่วมกับนายชูเมอร์และนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ
นอกจากนี้ นายมีโดวส์กล่าวว่า ทั้งเขาและนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ต่างก็มีความเห็นตรงกันว่า การเจรจาต่อไปนั้นอาจจะไม่เกิดประโยชน์อันใด หากสองฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับรายละเอียดโดยรวมของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่นี้
นายมีโดว์ส และนายมนูชิน ยังเปิดเผยด้วยว่า หากทำเนียบขาวและพรรคเดโมแครตยังไม่สามารถทำข้อตกลงกันได้ภายในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้เตรียมที่จะใช้สิทธิอำนาจของประธานาธิบดีในการขยายโครงการช่วยเหลือคนตกงาน หลังจากที่โครงการดังกล่าวได้หมดอายุลงตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ตลาดการเงินจับตาการเจรจาเกี่ยวกับมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจครั้งใหม่ซึ่งมีวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์อย่างใกล้ชิด โดยถึงแม้ว่าขณะนี้สภาคองเกรสและทำเนียบขาวเห็นพ้องกันในการมอบเงินจำนวน 1,200 ดอลลาร์ให้แก่ชาวอเมริกันทุกคนเพื่อเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 แต่ทั้งสองฝ่ายยังมีความขัดแย้งเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือคนว่างงาน โดยพรรคเดโมแครตต้องการให้รักษาวงเงินดังกล่าวไว้ที่ระดับ 600 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ แต่พรรครีพับลิกันต้องการให้ปรับลดลงมาอยู่ที่ 200 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์