นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก กล่าวให้สัมภาษณ์ในรายการ "Face the Nation" ทางสถานีโทรทัศน์ CBS ว่า การใช้มาตรการสนับสนุนด้านการคลังเพิ่มเติมถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19 หลังจากที่สภาคองเกรสประสบความล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจฉบับใหม่
"ผมกล้าพูดว่า ที่ผ่านมานั้น นโยบายการคลังถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างเหลือเชื่อในการสนับสนุนเศรษฐกิจในช่วงที่เศรษฐกิจของเราเผชิญกับภาวะขาลง และนโยบายการคลังยังคงมีความสำคัญในขณะนี้ เนื่องจากเรายังไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสได้ ซึ่งผมขอย้ำว่า ความเชื่อมั่นของสาธารณชนเป็นสิ่งสำคัญมาก และมาตรการด้านการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน" นายอีแวนส์กล่าว
นายอีแวนส์ยังกล่าวด้วยว่า จำนวนคนว่างงานจะเพิ่มขึ้นหากสภาคองเกรสไม่ออกมาตรการสนับสนุนด้านการคลังเพิ่มเติมให้กับรัฐและหน่วยงานของรัฐบาลท้องถิ่น
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งบริหารเพื่อขยายระยะเวลาในการให้ผลประโยชน์แก่ผู้ว่างงานไปจนถึงช่วงสิ้นปีนี้ที่อัตรา 400 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดลงจากระดับ 600 ดอลลาร์ตามที่สภาคองเกรสได้อนุมัติไปเมื่อปลายเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา แต่การดำเนินการดังกล่าวได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากพรรคเดโมแครต
นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และนายชัค ชูเมอร์ ผู้นำพรรคเดโมแครตในวุฒิสภา ระบุในแถลงการณ์ร่วมว่า "แทนที่จะผ่านร่างกฎหมาย ปธน.ทรัมป์กลับลดผลประโยชน์แก่ผู้ว่างงาน และทำให้มลรัฐต่างๆ เผชิญวิกฤตงบประมาณ ส่งผลให้รัฐเหล่านี้ต้องปรับลดงบในส่วนบริการที่อาจเป็นหรือตายอย่างน่าอันตราย"
ด้านนายโจ ไบเดน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต ยังได้วิจารณ์คำสั่งดังกล่าวของปธน.ทรัมป์ด้วย โดยระบุว่าเป็นคำสั่ง "ครึ่งๆ กลางๆ"