รัฐบาลเกาหลีใต้กำลังศึกษาถึงความจำเป็นในการยกระดับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมสู่ระดับสูงสุด ซึ่งได้แก่ระดับ 3 หลังจากเจ้าหน้าที่เตือนว่าประเทศนี้มีความเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ทั่วประเทศ
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลี (KCDC) เปิดเผยในวันนี้ว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เกาหลีใต้พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 266 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 17,665 ราย โดยเกาหลีใต้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นต่ำกว่า 300 ราย เป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน ทว่าแตะตัวเลขสามหลักเป็นวันที่ 11 ติดต่อกัน
จำนวนผู้ติดเชื้อที่ยืนยันในช่วง 11 วันที่ผ่านมาแตะ 2,895 ราย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกรุงโซลและในจังหวัดคย็องกี เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นจากการทำกิจกรรมในโบสถ์ รวมถึงกิจกรรมชุมนุมที่จัดโดยกลุ่มนักการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมบริเวณใจกลางกรุงโซลเมื่อวันที่ 15 ส.ค. ที่ผ่านมา
นางจอง อึน-คยอง หัวหน้าศูนย์ KCDC แถลงต่อสื่อมวลชนว่า ยอดผู้ติดเชื้อกำลังเพิ่มขึ้นใน 17 เมืองและจังหวัดทั่วประเทศ และตอนนี้เกาหลีใต้ใกล้จะเผชิญการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ทั่วประเทศ
เมื่อเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ประการใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม 3 ระดับ โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ยกระดับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในระดับ 2 ออกไปทั่วประเทศ จากเดิมที่บังคับใช้กับกรุงโซลและเมืองปูซานเท่านั้น
สำหรับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมระดับ 2 นั้น ได้แก่ การสั่งห้ามประชาชนรวมตัวกันภายในอาคารเกินกว่า 50 คน และห้ามการรวมตัวกันกลางแจ้งเกินกว่า 100 คน รวมไปถึงการจำกัดจำนวนสำหรับกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่เชื้อ อาทิ งานแต่งงาน กิจกรรมตามโบสถ์ และการแข่งกีฬา นอกจากนี้ยังห้ามดำเนินธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง 12 ประเภท เช่น บาร์และห้องแสดงคอนเสิร์ตแบบยืน
ส่วนมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมระดับ 3 ได้แก่ การสั่งห้ามประชาชนรวมตัวทำกิจกรรมเกิน 10 คน และมอบอำนาจให้แก่เจ้าหน้าที่ในการจำกัดเวลาของห้างสรรพสินค้าและร้านค้าปลีก
ทั้งนี้ ยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นและแนวโน้มที่จะมีการประกาศเว้นระยะทางสังคมในระดับ 3 อาจส่งผลให้รัฐบาลดำเนินมาตรการแจกเงินสดรอบที่ 2 รวมถึงงบประมาณเพิ่มเติม