นางมาร์กาเร็ต แฮร์ริส โฆษกองค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวแสดงความเห็นกรณีที่มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ในฮ่องกง โดยระบุว่า ในขณะที่มีรายงานบอกเล่าเกี่ยวกับการตรวจพบผู้ติดเชื้อซ้ำเป็นครั้งที่ 2 สิ่งสำคัญก็คือการที่จะต้องมีการบันทึกเป็นเอกสารอย่างชัดเจนในกรณีดังกล่าว
ส่วนนายแพทย์เดวิด สเตรน ประธานสมาคมการแพทย์ของอังกฤษ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวได้สร้างความกังวลหลายประการ
"เรื่องแรกก็คือสิ่งนี้บ่งชี้ว่าการติดเชื้อครั้งแรกไม่ได้ช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อดังกล่าว และเรื่องที่สองคือ สิ่งนี้ได้เพิ่มความเป็นไปได้ที่ว่า การฉีดวัคซีนอาจไม่ได้ให้ผลลัพธ์ตามที่เราได้คาดหวังไว้" เขากล่าว
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของเบลเยียมและเนเธอร์แลนด์เปิดเผยการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ในวันนี้ ซึ่งสร้างความกังวลไปทั่วโลกเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันของมนุษย์ต่อไวรัสดังกล่าว รวมทั้งประสิทธิภาพของวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งกำลังมีการพัฒนาในขณะนี้
ก่อนหน้านี้ ฮ่องกงได้ตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซ้ำเป็นครั้งที่ 2 เป็นรายแรกของโลก โดยผู้ติดเชื้อเป็นชายวัย 33 ปี ซึ่งมีสุขภาพแข็งแรง โดยเขาถูกตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 ซ้ำเป็นครั้งที่ 2 หลังเดินทางกลับจากสเปน และมีระยะเวลาห่างจากการติดเชื้อครั้งแรกประมาณ 4 เดือนครึ่ง
นอกจากนี้ ผลการตรวจหาลำดับนิวคลิโอไทด์ใน DNA (Genome Sequencing) ของผู้ติดเชื้อในฮ่องกงพบว่า เขาติดเชื้อไวรัสที่มีสายพันธุ์แตกต่างจากการติดเชื้อครั้งแรก
สำหรับผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ในเบลเยียมเป็นผู้ป่วยเพศหญิง ซึ่งได้ติดเชื้อครั้งแรกในเดือนมี.ค.และอีกครั้งในเดือนมิ.ย.
นายมาร์ค แวน แรนสต์ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสของเบลเยียม คาดการณ์ว่า จะมีรายงานการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซ้ำอีกหลายรายในอนาคต
"บางทีเราจำเป็นต้องฉีดวัคซีนทุกปี หรือภายใน 2-3 ปี โดยค่อนข้างแน่นอนว่าเราจะไม่มีวัคซีนที่สามารถป้องกันไวรัสโควิด-19 ได้ถึง 10 ปี" เขากล่าว
ทางด้านสถาบันสาธารณสุขแห่งชาติของเนเธอร์แลนด์ระบุว่า มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ในเนเธอร์แลนด์ โดยผู้ป่วยเป็นผู้สูงอายุที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ