World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 26 สิงหาคม 2563

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday August 26, 2020 09:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบ 60.02 จุด เมื่อคืนนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นแอปเปิล และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐที่ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดทำนิวไฮ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มธุรกิจสุขภาพ

-- นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในวันพฤหัสบดีที่ 27 ส.ค. เวลา 09.10 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 20.10 น.ตามเวลาไทย

-- S&P Dow Jones Indices LLC ซึ่งเป็นผู้จัดทำดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ประกาศว่า หุ้นของบริษัทเอ็กซอน โมบิล, ไฟเซอร์ อิงค์ และเรเธียน เทคโนโลยีส์ จะถูกถอดออกจากคำนวณในดัชนีดาวโจนส์ ตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค.นี้ และจะแทนที่ด้วยหุ้นของเซลส์ฟอร์ซดอทคอม, แอมเจน อิงค์ และฮันนีเวลล์ อินเตอร์เนชันแนล

การถอดหุ้นทั้ง 3 ตัวดังกล่าวนับเป็นการปรับน้ำหนักหุ้นในดัชนีดาวโจนส์ครั้งใหญ่สุดในรอบ 7 ปี และเกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทแอปเปิล อิงค์ซึ่งมีน้ำหนักในดัชนีดาวโจนส์ประมาณ 12% ได้ประกาศแตกหุ้น ซึ่งทำให้น้ำหนักของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่คำนวณในดัชนีดาวโจนส์ลดลง ดังนั้นจึงต้องเพิ่มน้ำหนักของหุ้นกลุ่มนี้ด้วยการเพิ่มหุ้น 3 ตัวดังกล่าว

-- แอนท์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทในเครืออาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้งของนายแจ็ค หม่า ได้ยื่นเรื่องเพื่อนำหุ้นออกเสนอขายต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (IPO) ในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และฮ่องกง

เอกสารที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ระบุว่า แอนท์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านการเงิน มีกำไรสุทธิในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 อยู่ที่ 2.19 หมื่นล้านหยวน (3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากรายได้ทั้งหมดซึ่งอยู่ที่ 7.25 หมื่นล้านหยวน

กำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีแรกของแอนท์ กรุ๊ป พุ่งขึ้นกว่า 1,000% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งในเวลานั้นบริษัทมีกำไรสุทธิ 1.9 พันล้านหยวน ขณะที่รายได้พุ่งขึ้นราว 38% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 5.25 หมื่นล้านหยวน

-- ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 84.8 ในเดือนส.ค. จากระดับ 91.7 ในเดือนก.ค. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 93.0

ดัชนีความเชื่อมั่นร่วงลงเป็นเดือนที่ 2 จากการที่ผู้บริโภคมีความวิตกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยทั้งดัชนีความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และในช่วง 6 เดือนข้างหน้าต่างก็ปรับตัวลง

-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 13.9% สู่ระดับ 901,000 ยูนิตในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2549 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 785,000 ยูนิต เมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 36.3% ในเดือนก.ค.

ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ยังได้ปรับเพิ่มยอดขายบ้านใหม่ในเดือนมิ.ย.สู่ระดับ 791,000 ยูนิต จากเดิมรายงานที่ระดับ 776,000 ยูนิต

-- สมาพันธ์อุตสาหกรรมอังกฤษ (CBI) เปิดเผยดัชนีการจ้างงานดิ่งลงสู่ระดับ -45 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2552 จากระดับ -20 ในเดือนพ.ค. ขณะเดียวกัน CBI ได้คาดการณ์ว่าดัชนีการจ้างงานจะดิ่งลงต่อไปแตะระดับ -52 ในเดือนก.ย. โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

นอกจากนี้ CBI ยังเปิดเผยดัชนียอดค้าปลีกร่วงลงสู่ระดับ -6 ในเดือนส.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ +8 หลังจากดีดตัวสู่ระดับ +4 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือน

-- กระทรวงการคลังสหรัฐออกรายงานชี้เวียดนามได้จงใจลดค่าเงินดองราว 4.7% ในปีที่แล้ว เมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดยรัฐบาลเวียดนามได้ทำการแทรกแซงค่าเงินดอง ด้วยการเข้าซื้อสกุลเงินตราต่างประเทศสุทธิคิดเป็นมูลค่า 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว โดยดำเนินการผ่านทางธนาคารกลางเวียดนาม

รายงานดังกล่าวเป็นรายงานที่กระทรวงการคลังสหรัฐจัดทำขึ้นเพื่อส่งไปยังกระทรวงพาณิชย์สำหรับการสอบสวนกรณีการนำเข้ายางรถยนต์จากเวียดนามเพื่อพิจารณาว่ามีการจำหน่ายยางดังกล่าวในราคาที่ต่ำกว่าระดับที่เหมาะสมหรือไม่ ซึ่งกระทรวงการคลังสรุปว่าเวียดนามได้จำหน่ายยางรถยนต์ในสหรัฐในราคาที่ต่ำกว่าระดับที่เหมาะสม ซึ่งเป็นผลจากการที่รัฐบาลเข้าแทรกแซงในตลาดปริวรรตเงินตรา

-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 24,049,707 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 823,266 ราย

สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (5,955,728) รองลงมาคือบราซิล (3,674,176), อินเดีย (3,231,754), รัสเซีย (966,189), แอฟริกาใต้ (613,017) และเปรู (600,438)

นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (182,404) ตามมาด้วยบราซิล (116,666), เม็กซิโก (61,450), อินเดีย (59,612) และสหราชอาณาจักร (41,449)

-- เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของเบลเยียมและเนเธอร์แลนด์เปิดเผยการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซ้ำเป็นครั้งที่ 2 เมื่อวานนี้ ซึ่งได้สร้างความกังวลไปทั่วโลกเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันของมนุษย์ต่อไวรัสดังกล่าว รวมทั้งประสิทธิภาพของวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งกำลังมีการพัฒนาในขณะนี้

ก่อนหน้านี้ ฮ่องกงได้ตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซ้ำเป็นครั้งที่ 2 เป็นรายแรกของโลก โดยผู้ติดเชื้อเป็นชายวัย 33 ปี ซึ่งมีสุขภาพแข็งแรง โดยเขาถูกตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 ซ้ำเป็นครั้งที่ 2 หลังเดินทางกลับจากสเปน และมีระยะเวลาห่างจากการติดเชื้อครั้งแรกประมาณ 4 เดือนครึ่ง

-- นางมาร์กาเร็ต แฮร์ริส โฆษกองค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวแสดงความเห็นกรณีที่มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ในฮ่องกง โดยระบุว่า ในขณะที่มีรายงานบอกเล่าเกี่ยวกับการตรวจพบผู้ติดเชื้อซ้ำเป็นครั้งที่ 2 สิ่งสำคัญก็คือการที่จะต้องมีการบันทึกเป็นเอกสารอย่างชัดเจนในกรณีดังกล่าว

ส่วนนายแพทย์เดวิด สเตรน ประธานสมาคมการแพทย์ของอังกฤษ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวได้สร้างความกังวลหลายประการ

"เรื่องแรกก็คือสิ่งนี้บ่งชี้ว่าการติดเชื้อครั้งแรกไม่ได้ช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อดังกล่าว และเรื่องที่สองคือ สิ่งนี้ได้เพิ่มความเป็นไปได้ที่ว่า การฉีดวัคซีนอาจไม่ได้ให้ผลลัพธ์ตามที่เราได้คาดหวังไว้" เขากล่าว

-- รัฐบาลฮ่องกงประกาศผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นับตั้งแต่วันศุกร์นี้ แม้มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซ้ำเป็นครั้งที่ 2

ทั้งนี้ ฮ่องกงจะอนุญาตให้ร้านอาหารจะสามารถเปิดให้ลูกค้านั่งรับประทานอาหารภายในร้านได้จนถึงเวลา 21.00 น. จากเดิมที่ห้ามไม่ให้ลูกค้านั่งรับประทานอาหารในร้านตลอดเวลา ทั้งยังให้มีการเปิดโรงภาพยนตร์ สนามกีฬากลางแจ้ง และร้านเสริมสวย

นอกจากนี้ รัฐบาลยังผ่อนปรนให้ประชาชนไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่อเข้าสวนสาธารณะ และสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง

-- เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นกล่าวว่า นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น จะจัดการแถลงข่าวในวันศุกร์นี้ ท่ามกลางข่าวลือเกี่ยวกับสุขภาพของเขา

ก่อนหน้านี้ Flash ซึ่งเป็นนิตยสารรายสัปดาห์ ระบุว่า มีข่าวลือกันว่า นายอาเบะได้อาเจียนออกมาเป็นเลือดที่สำนักงานของเขาในวันที่ 6 ก.ค. ขณะที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า หมายกำหนดการของนายอาเบะไม่มีการระบุถึงการปฏิบัติภารกิจใดๆเป็นเวลาถึง 5 ชั่วโมงในบ่ายวันนั้น โดยประเด็นสุขภาพของนายอาเบะถือเป็นเรื่องที่ชาวญี่ปุ่นให้ความสนใจ หลังจากที่เขาได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งอย่างกะทันหันในปี 2550 ขณะที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้เพียง 1 ปี โดยนายอาเบะอ้างถึงอาการป่วยจากโรคลำไส้

-- สหรัฐมีกำหนดเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ในวันนี้

ส่วนในวันพรุ่งนี้ จีนจะเปิดเผยกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. ฝรั่งเศสจะเปิดเผยความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนส.ค. และสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2563 (ประมาณการครั้งที่ 2) รวมถึงยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ