ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ของจีนมีผลกำไรทรุดตัวลงหนักที่สุดในรอบ 10 ปี อันเนื่องมาจากปัญหาหนี้เสียที่พุ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องเผชิญแรงกดดันจากข้อเรียกร้องของรัฐบาลให้เข้ามาช่วงพยุงเศรษฐกิจซึ่งได้รับผลกระทบหนักจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ธนาคารอินดัสเทรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟ ไชน่า (ICBC) ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของจีนเมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์, ธนาคารไชน่า คอนสตรักชั่น แบงก์ (CCB) ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 2, ธนาคารอะกริคัลเจอรัล แบงก์ ออฟ ไชน่า (ABC) และ แบงก์ ออฟ ไชน่า ต่างก็ออกมาเปิดเผยผลกำไรลดลงในช่วงครึ่งปีแรก โดยจากข้อมูลพบว่า ธนาคารเหล่านั้นมีกำไรลดลงอย่างน้อย 10% ขณะที่หนี้เสียพุ่งขึ้นอยู่ระหว่าง 27-97%
รายงานระบุว่า ระบบธนาคารจีนซึ่งมูลค่าราว 45 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ต้องกลายมาเป็นแนวหน้าในการพยุงเศรษฐกิจจีนซึ่งกำลังตกอยู่ในภาวะตกต่ำที่สุดในรอบกว่า 40 ปี จากการมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยทางการจีนได้กำหนดให้ธนาคารต้องยอมสูญเสียกำไรมากถึง 1.5 ล้านล้านหยวน (2.18 แสนล้านหยวน) ผ่านการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ, ชะลอการชำระหนี้คืน และเพิ่มวงเงินกู้ให้กับธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ทั้งนี้ คาดว่าธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ของจีนจะเผชิญกับความท้าทายต่อไปอีกในช่วงครึ่งปีหลัง โดย ICBC กล่าวว่า "เศรษฐกิจโลกต้องเผชิญกับสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวย อันเนื่องมาจากการหดตัวอย่างมีนัยสำคัญของการค้าและการลงทุนทั่วโลก ความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดการเงิน ประกอบกับการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ต้องหยุดชะงัก และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ซึ่งกำลังทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น"