ติ๊กต็อก (TikTok) แอปพลิเคชันวิดีโอสั้นยอดนิยมของจีน เปิดเผยว่า บริษัทไม่ได้มีการเจรจาเพื่อขายธุรกิจในสหรัฐให้แก่บริษัททริลเลอร์ (Triller) ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันคู่แข่ง
โฆษกของติ๊กต็อก กล่าวให้สัมภาษณ์แก่สำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า "เรายืนยันได้ว่าเราไม่ได้กำลังเจรจาและไม่มีวันเจรจากับพวกเขา ทว่าเราก็รู้สึกยินดีสำหรับความชื่นชมต่อติ๊กต็อก"
อย่างไรก็ตาม บ็อบบี้ ซาร์เนเวสช์ท ประธานบริหารของทริลเลอร์ กล่าวยืนยันว่า เขาได้ส่งข้อเสนอราคาแก่ติ๊กต็อกแล้ว และผู้บริหารระดับสูงของไบต์แดนซ์ (ByteDance) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของติ๊กต็อก ก็รับทราบเรื่องแล้ว
ทั้งนี้ ถ้อยแถลงของเขามีขึ้นหลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เซ็นทริคัส (Centricus) บริษัทบริหารสินทรัพย์ในลอนดอน และทริลเลอร์ กำลังพยายามเข้าซื้อกิจการของติ๊กตอกในสหรัฐ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดียในราคา 2 หมื่นล้านดอลลาร์
ล่าสุดไบต์แดนซ์ เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะปฏิบัติตามกฎระเบียบการส่งออกเทคโนโลยีฉบับใหม่ของจีนอย่างเคร่งครัด ขณะที่เส้นตายการขายติ๊กต็อกในสหรัฐกำลังใกล้เข้ามา
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จีนได้มีการปรับปรุงกฎระเบียบควบคุมการส่งออกเทคโนโลยี โดยครอบคลุมหลายหลายอย่างตั้งแต่เทคโนโลยีการจดจำเสียงไปจนถึงเทคโนโลยีการออกแบบชิป นอกจากนี้ กฎระเบียบใหม่ยังอาจมีแอปพลิเคชันวิดีโอสั้นยอดนิยมของจีนอย่างติ๊กต็อกรวมอยู่ด้วย
ชุย ฟาน ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และธุรกิจระหว่างประเทศ (UIBE) ของจีนและรับตำแหน่งที่ปรึกษาของรัฐบาลได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า ไบต์แดนซ์อาจต้องผ่านกระบวนการขอใบอนุญาต และไม่ว่าเจ้าของใหม่ของติ๊กต็อกจะเป็นใครก็ตาม ไบต์แดนซ์ต้องโอนรหัสซอฟต์แวร์จากจีนไปยังต่างประเทศ และอาจต้องให้บริการทางเทคนิคด้วย
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ลงนามในคำสั่งบริหารเมื่อวันที่ 6 ส.ค.ระบุว่า สหรัฐจะแบนการทำธุรกรรมทั้งหมดกับไบต์แดนซ์ภายใน 45 วัน และได้ลงนามในคำสั่งบริหารอีกฉบับเมื่อวันที่ 14 ส.ค. ให้เวลาไบต์แดนซ์ 90 วันในการขายธุรกิจติ๊กต็อกในสหรัฐ