จับตาตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ คาดปรับตัวลดลงตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กซึ่งปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากคำสั่งขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการออกมาตรการเยียวยาผลกระทบโควิด-19 รอบใหม่ในสหรัฐ
-- นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างสหภาพยุโรป (EU) และอังกฤษเกี่ยวกับข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจาก EU (Brexit) หลัง EU เตรียมยื่นฟ้องศาลกรณีที่อังกฤษมีแผนละเมิดข้อตกลง Brexit ขณะที่การเจรจาฉุกเฉินระหว่าง EU และอังกฤษได้สิ้นสุดลงแล้ว โดยทั้งสองฝ่ายยังคงไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการเจรจา
ทั้งนี้ ภายใต้เงื่อนไข Brexit ทั้งอังกฤษและ EU จะต้องบรรลุข้อตกลงการค้าภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งหากทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลง ก็จะสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายต่อการค้าระหว่างอังกฤษและ EU ในช่วงเริ่มต้นปี 2564 และจะซ้ำเติมเศรษฐกิจ ซึ่งในขณะนี้ได้รับผลกระทบอยู่แล้วจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
-- การเจรจาฉุกเฉินระหว่างสหภาพยุโรป (EU) และอังกฤษได้สิ้นสุดลงแล้ว โดยทั้งสองฝ่ายยังคงไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการเจรจา
การเจรจาดังกล่าวมีขึ้น เนื่องจาก EU มีความไม่พอใจต่อการที่นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กำลังผลักดันร่างกฎหมาย Internal Market Bill ให้ผ่านการอนุมัติจากรัฐสภาอังกฤษ แม้ว่าร่างกฎหมายดังกล่าวมีเนื้อหาที่ขัดต่อข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ที่อังกฤษได้ทำไว้กับ EU ก่อนหน้านี้
-- ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายและวงเงินในการซื้อพันธบัตรในการประชุมเมื่อวานนี้ ขณะที่ ECB ยังคงจับตาเศรษฐกิจในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ ECB จัดการประชุมนโยบายการเงิน โดยที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรืออัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
ECB ระบุว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับปัจจุบัน หรือต่ำกว่าระดับดังกล่าว จนกว่าอัตราเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นสู่เป้าหมายของ ECB ซึ่งระบุให้ "อยู่ใกล้ แต่ไม่เกิน 2%"
นอกจากนี้ ECB มีมติคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามโครงการ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) ที่ระดับ 1.35 ล้านล้านยูโร โดยจะซื้อพันธบัตรตามโครงการดังกล่าวจนถึงเดือนมิ.ย.2564 หรือจนกระทั่ง ECB พิจารณาว่าวิกฤตการณ์จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ผ่านพ้นไปแล้ว
-- นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนได้ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และคาดว่าเศรษฐกิจจะหดตัวน้อยกว่าคาดในปีนี้
นางลาการ์ดกล่าวว่า เศรษฐกิจยูโรโซนมีแนวโน้มหดตัวลง 8.0% ในปีนี้ โดยเป็นตัวเลขคาดการณ์ที่ดีกว่าที่ระบุในเดือนมิ.ย.ว่าเศรษฐกิจจะหดตัว 8.7% ในปีนี้
-- นายไมเคิล คอร์แบต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของซิตี้กรุ๊ป ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของสหรัฐ เมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ ประกาศในวันนี้ว่า เขาจะเกษียณอายุในเดือนก.พ.ปีหน้า และนางเจน เฟรเซอร์ จะเข้ารับตำแหน่งซีอีโอคนใหม่ ส่งผลให้นางเฟรเซอร์เป็นซีอีโอหญิงคนแรกของธนาคารขนาดใหญ่ในตลาดวอลล์สตรีท
นางเฟรเซอร์ วัย 53 ปี ได้ร่วมงานกับซิตี้กรุ๊ปตั้งแต่ปี 2547 โดยได้รับการเลื่อนตำแหน่งอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ และซีอีโอธุรกิจธนาคารฝ่ายลูกค้ารายย่อยทั่วโลก นับตั้งแต่ปี 2562
ทั้งนี้ ซิตี้กรุ๊ปเป็นธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐที่มีผู้หญิงอยู่ในบอร์ดบริหารมากที่สุด โดยคิดเป็นสัดส่วนราว 50%
-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 28,056,120 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 908,651 ราย
สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (6,549,771) รองลงมาคืออินเดีย (4,470,166), บราซิล (4,199,332), รัสเซีย (1,046,370), เปรู (702,776) และโคลอมเบีย (686,856)
นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (195,245) ตามมาด้วยบราซิล (128,653), อินเดีย (75,119), เม็กซิโก (69,095) และสหราชอาณาจักร (41,594)
-- กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่มีจำนวน 3,821 ราย ส่งผลให้ขณะนี้ฟิลิปปินส์มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 248,947 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)
-- สิงคโปร์ แอร์ไลน์ แถลงเมื่อวานนี้ว่า ทางบริษัทจะเลิกจ้างพนักงานจำนวน 4,300 ตำแหน่ง หรือราว 20% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด อันเนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
การปลดพนักงานดังกล่าวถือเป็นการลดจำนวนพนักงานมากเป็นประวัติการณ์ของสิงคโปร์ แอร์ไลน์
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 884,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 850,000 ราย
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ ลดลง 21,750 ราย สู่ระดับ 970,750 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ดีดตัว 0.3% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากพุ่งขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของราคาในภาคบริการ
อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI ปรับตัวลง 0.2% ในเดือนส.ค. หลังจากร่วงลง 0.4% ในเดือนก.ค.
ทางด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี PPI จะปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และลดลง 0.3% เมื่อเทียบรายปี
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญวันนี้ ทางการอังกฤษเตรียมรายงานดุลการค้าเดือนก.ค. และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. เวลา 13.00 น. ตามเวลาไทย
จากนั้นสหรัฐจะรายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค. เวลา 19.30 น.