เว็บไซต์ของสมาคมผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนนานาชาติ (ICIJ) ระบุว่า สิงคโปร์และฮ่องกงเป็น 2 จุดหมายปลายทางที่มีการทำธุรกรรมโอนเงินที่น่าสงสัยมากที่สุดในภูมิภาคเอเชีย
รายงานของ ICIJ ระบุว่า มีเม็ดเงินต้องสงสัยไหลเข้าสู่สิงคโปร์สูงถึง 4.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐผ่านทางธนาคารพาณิชย์หลายแห่งซึ่งรวมถึง ดีบีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์, โอเวอร์ซี-ไชนีส แบงกิ้ง คอร์ป และยูไนเต็ด โอเวอร์ซีส์ แบงก์
ส่วนในฮ่องกงนั้น พบว่ามีเม็ดเงินต้องสงสัยไหลเข้าจำนวน 4.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐผ่านทางธนาคารหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ และดอยซ์ แบงก์
นอกจากนี้ ประเทศที่พบว่าเป็นจุดหมายปลายทางการโอนเงินที่น่าสงสัยรองลงมาได้แก่จีนและอินเดีย เมื่อพิจารณาจากปริมาณเงินต้องสงสัยที่ไหลเข้าประเทศ
ทั้งนี้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา สื่อออนไลน์ Buzzfeed News ของสหรัฐได้เผยแพร่เอกสารลับของของเครือข่ายสืบสวนอาชญากรรมทางการเงินของสหรัฐ (FinCen) ซึ่งเป็นหน่วยงานของกระทรวงการคลังสหรัฐ และจากนั้นได้มีการแชร์เป็นวงกว้างในสื่อต่างที่เป็นสมาชิกของ ICIJ โดยเอกสารลับดังกล่าวครอบคลุมถึง "รายงานกิจกรรมที่น่าสงสัย (SAR)" ซึ่งเป็นเอกสารที่ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินประเภทอื่นๆ ได้ยื่นต่อ FinCen และมีจำนวนมากกว่า 2,100 ฉบับ
เอกสาร SAR เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการโอนเงินมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ในระหว่างปี 2542- 2560 ซึ่งเงินเหล่านี้ได้รับอนุมัติการทำธุรกรรมโดยหน่วยงานภายในของสถาบันการเงินที่อยู่ในข่ายต้องสงสัย
ทางด้านธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) แถลงเมื่อวานนี้ว่า MAS ได้รับทราบจากข่าวว่า ธนาคารของสิงคโปร์ได้ถูกระบุอยู่ในรายงานการทำธุรกรรมโอนเงินที่น่าสงสัย โดย MAS จะนำรายงานดังกล่าวมาวิเคราะห์อย่างละเอียด และ MAS จะดำเนินการตามความเหมาะสมบนพื้นฐานของผลการพิจารณาทบทวนรายงานดังกล่าว
ขณะที่โฆษกของธนาคารกลางฮ่องกงเปิดเผยว่า ทางธนาคารกลางได้รับทราบข่าวดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการหารือเป็นรายกรณี พร้อมกับยืนยันว่า มาตรการด้านการจัดการกับพฤติกรรมฟอกเงินและการก่อการร้ายทางการเงินของฮ่องกงนั้น มีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล