World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Friday September 25, 2020 08:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ โดยได้ปัจจัยหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งรายงานยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี และความหวังที่ว่าสภาคองเกรสและทำเนียบขาวจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ อย่างไรก็ดี บรรยากาศการซื้อขายในตลาดถูกกดดันจากการที่ประธานาธิบโดนัลด์ ทรัมป์ ปฏิเสธที่จะให้คำมั่นสัญญาว่าการส่งมอบอำนาจบริหารจะเป็นไปอย่างราบรื่น หากเขาพ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดี

-- คาดตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นวันนี้ตามทิศทางตลาดหุ้นนิวยอร์กแต่อาจไม่แข็งแกร่งมากนัก โดยดัชนีฟิวเจอร์สตลาดหุ้นญี่ปุ่น ฮ่องกง และออสเตรเลีย ปรับตัวเพิ่มขึ้น

-- สื่อต่างประเทศหลายแห่งรายงานว่า สมาชิกพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐกำลังพิจารณามาตรการเยียวยาเศรษฐกิจจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 วงเงินประมาณ 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ โดยคาดว่าจะมีการโหวตในสัปดาห์หน้า ขณะที่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐยืนยันว่า เธอพร้อมที่จะเจรจากับทำเนียบขาว

-- นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันนี้เกี่ยวกับการดำเนินการของเฟดและรัฐบาลสหรัฐในการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

นายพาวเวลและนายมนูชินยอมรับว่า ขณะนี้มีเงินเหลือหลายแสนล้านดอลลาร์ในกองทุนเยียวยาผลกระทบโควิด-19 ซึ่งมีวงเงินทั้งหมด 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ โดยเฟดและรัฐบาลสหรัฐเห็นพ้องกันว่าเม็ดเงินในส่วนที่ยังไม่มีการใช้ดังกล่าวสามารถโยกย้ายไปช่วยเหลือภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจสหรัฐ

-- -ฟุตซี่ รัสเซล (FTSE Russell) ซึ่งเป็นผู้จัดทำดัชนีหุ้นระดับโลก และเป็นบริษัทในเครือของตลาดหุ้นลอนดอน เปิดเผยว่า พันธบัตรของรัฐบาลจีนจะถูกนำไปรวมในการคำนวณดัชนี World Government Bond Index ซึ่งจัดทำโดยฟุตซี่ รัสเซล โดยจะมีผลตั้งแต่เดือนต.ค. 2564

ทั้งนี้ การนำพันธบัตรรัฐบาลจีนเข้ารวมอยู่ในดัชนี World Government Bond Index จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะทำให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเข้าไปลงทุนในตราสารหนี้ของจีน และจะช่วยให้มีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดพันธบัตรของจีนซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก รองจากสหรัฐ

-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 32,131,180 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 982,517 ราย

สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (7,140,137) รองลงมาคืออินเดีย (5,737,197), บราซิล (4,627,780), รัสเซีย (1,128,836), โคลอมเบีย (784,268) และเปรู (782,695)

นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (206,598) ตามมาด้วยบราซิล (139,165), อินเดีย (91,204), เม็กซิโก (74,949) และสหราชอาณาจักร (41,862)

-- กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีจำนวน 2,180 ราย ส่งผลให้ขณะนี้ฟิลิปปินส์มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 296,755 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)

ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตรายใหม่จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีจำนวน 36 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตรวม 5,127 ราย

-- กระทรวงสาธารณสุขและกีฬาของเมียนมาแถลงว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีจำนวน 1,000 ราย ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาด ส่งผลให้ขณะนี้เมียนมามีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 8,344 ราย

นอกจากนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 อยู่ที่ระดับ 150 ราย

ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเมียนมาได้พุ่งขึ้นถึง 4 เท่าในเดือนที่แล้ว นับตั้งแต่ที่มีการตรวจพบการแพร่ระบาดที่รัฐยะไข่

-- รัฐบาลฮ่องกงประกาศเพิ่มชื่อประเทศอังกฤษในรายชื่อประเทศที่มีความเสี่ยงสูงด้านการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยการประกาศดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ต.ค.

ทั้งนี้ ผู้ที่เดินทางมาจากกลุ่มประเทศดังกล่าวจะต้องแสดงเอกสารยืนยันว่ามีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบก่อนที่จะสามารถขึ้นเครื่องบินมายังฮ่องกง

-- บริษัทแบล็คเบอร์รีเปิดเผยว่า ทางบริษัทมีรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 2 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากอุปสงค์สำหรับ Spark ซึ่งเป็นซอฟท์แวร์ด้านความปลอดภัย

ทั้งนี้ แบล็คเบอร์รีระบุว่า บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นเกือบ 6% สู่ระดับ 259 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 237 ล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ บริษัทมีตัวเลขขาดทุนลดลงสู่ระดับ 23 ล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าช่วงเดียวกันในปีที่แล้วที่ระดับ 44 ล้านดอลลาร์

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 870,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 840,000 ราย หลังจากอยู่ที่ระดับ 866,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกได้พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์แตะระดับ 6.867 ล้านรายในช่วงปลายเดือนมี.ค. โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ภาคธุรกิจปิดกิจการ และมีการปลดพนักงานจำนวนมาก

ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 4.8% สู่ระดับ 1.011 ล้านยูนิตในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2549 และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่ายอดขายจะดิ่งลง 1% สู่ระดับ 895,000 ยูนิต

ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ยังได้ปรับเพิ่มยอดขายบ้านใหม่ในเดือนก.ค.สู่ระดับ 965,000 ยูนิต จากเดิมรายงานที่ระดับ 901,000 ยูนิต

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญวันนี้ ทางการสหรัฐมีกำหนดรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค. เวลา 19.30 น. ตามเวลาไทย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ