ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน และนายโจ ไบเดน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต เข้าร่วมการแสดงวิสัยทัศน์ หรือดีเบต รอบแรกในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยหัวข้อแรกในการแสดงวิสัยทัศน์คือ ศาลฎีกา และการที่ปธน.ทรัมป์เสนอชื่อเอมี โคนีย์ แบร์เรตต์ เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกาสหรัฐแทนนางรูธ เบเดอร์ กินสเบิร์ก ซึ่งเสียชีวิตเมื่อไม่นานมานี้
การดีเบตรอบแรกจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยเคส เวสเทิร์น รีเสิร์ฟ เมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ โดยมีนายคริส วอลเลส ผู้สื่อข่าวจากสถานีฟ็อกซ์นิวส์ เป็นผู้ดำเนินรายการ และมีการถ่ายทอดสดทั่วโลกผ่านทางสถานีโทรทัศน์ CNN
การดีเบตครั้งนี้ ทรัมป์และไบเดนจะต้องแสดงวิสัยทัศน์ใน 6 หัวข้อ ได้แก่ ประวัติของผู้ท้าชิง, ศาลฏีกาสหรัฐ, โควิด-19, เศรษฐกิจ, เชื้อชาติและความรุนแรงในเมืองต่างๆ ของสหรัฐ รวมทั้งความบริสุทธิ์ยุติธรรมของการเลือกตั้ง โดยแต่ละหัวข้อจะใช้เวลาอภิปราย 15 นาที
-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) ซึ่งเป็นการปิดในแดนลบวันแรกในรอบ 4 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นก่อนที่การดีเบตรอบแรกระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จากพรรครีพับลิกัน และนายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต
นักวิเคราะห์เตือนว่าการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กจะเผชิญกับความผันผวนในสัปดาห์นี้ โดยได้รับผลกระทบจากการดีเบต ซึ่งหากทรัมป์ชนะการดีเบตครั้งนี้ ก็จะส่งผลให้หุ้นในกลุ่มเชื้อเพลิงฟอสซิล และบริษัทผลิตอาวุธ ดีดตัวขึ้น และหากไบเดนเป็นฝ่ายชนะ ก็จะทำให้หุ้นในกลุ่มที่มีการค้าทั่วโลก และกลุ่มพลังงานหมุนเวียน ปรับตัวขึ้น
-- นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ จะหารือกันอีกครั้งเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่วงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยพรรคเดโมแครตพยายามผลักดันให้ทำเนียบขาวและสภาคองเกรสบรรลุข้อตกลงกันก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะมีขึ้นในเดือนพ.ย.
ทั้งนี้ นางเพโลซีและนายมนูชินได้เจรจากันหลายครั้งก่อนหน้านี้ เพื่อหาทางประนีประนอมเกี่ยวกับมุมมองของพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันในประเด็นการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว
-- ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 101.8 ในเดือนก.ย. จากระดับ 86.3 ในเดือนส.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 89.5 โดยดัชนีความเชื่อมั่นได้รับแรงหนุนจากการที่ผู้บริโภคมีความมั่นใจมากขึ้นต่อตลาดแรงงาน
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจมุมมองของผู้บริโภค และความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และในช่วง 6 เดือนข้างหน้า, สถานะการเงินส่วนบุคคล และการจ้างงาน
-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนส.ค. หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนก.ค. ส่วนสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนส.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนก.ค.
การเพิ่มขึ้นของสต็อกสินค้าคงคลังเป็นการส่งสัญญาณว่าภาคธุรกิจได้ทำการเพิ่มสต็อกสินค้าก่อนถึงเทศกาลคริสต์มาส
-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐเพิ่มขึ้นในเดือนส.ค. โดยตัวเลขนำเข้าพุ่งขึ้น จากการที่ภาคธุรกิจพากันสั่งสินค้าเพื่อเพิ่มปริมาณสินค้าคงคลังที่ได้ลดลงในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น 3.5% สู่ระดับ 8.29 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค. ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 3.1% สู่ระดับ 2.013 แสนล้านดอลลาร์ และการส่งออกเพิ่มขึ้น 2.8% สู่ระดับ 1.183 แสนล้านดอลลาร์
-- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนก.ย. อยู่ที่ระดับ 51.5 เพิ่มขึ้นจากระดับ 51.0 ในเดือนส.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 51.3
ส่วนดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการในเดือนก.ย. อยู่ที่ 55.9 เพิ่มขึ้นจากระดับ 55.2 ในเดือนส.ค.
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตและภาคบริการของจีนมีการขยายตัว ขณะที่ดัชนีต่ำกว่าระดับ 50 จะบ่งชี้ถึงภาวะหดตัว
-- กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นเปิดเผยรายงานเบื้องต้นในวันนี้ว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค.ปรับตัวขั้น 1.7% จากเดือนก.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นรายเดือนติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3
ขณะเดียวกันทางกระทรวงฯ ได้ปรับเพิ่มตัวเลขผลผลิตเดือนก.ค.สู่ระดับ ขยายตัว 8.7% จากเดิมที่ระบุว่าขยายตัวเพียง 8%
รายงานของกระทรวงฯ ระบุว่า ดัชนีการขนส่งภาคอุตสาหกรรม ปรับตัวขึ้น 2.1% แตะระดับ 87.6 ขณะที่ดัชนีสินค้าคงคลังภาคอุตสาหกรรม ลดลง 1.4% แตะที่ 97.9
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า กระทรวงฯได้เปิดเผยผลสำรวจความเห็นของกลุ่มผู้ผลิตซึ่งพบว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมมีแนวโน้มขยายตัว 5.7% ในเดือนก.ย. และคาดว่าจะขยายตัว 2.9% ในเดือนต.ค.
-- นายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้สนทนากันทางโทรศัพท์เมื่อวานนี้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสอง
ทั้งนี้ นายซูงะกล่าวว่า เขาต้องการสร้างความคืบหน้าต่อการเจรจาสนธิสัญญาสันติภาพ ส่วนนายปูตินกล่าวว่า เขาพร้อมสำหรับการเจรจาในประเด็นทวิภาคีกับนายซูงะ และผู้นำทั้งสองเห็นพ้องกันในการพบปะกันในไม่ช้าเพื่อจัดการเจรจา
นอกจากนี้ นายซูงะและนายปูตินยังได้หารือกันเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19
-- นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ประกาศเตือนว่า เขาจะไม่ปฏิเสธทางเลือกในการชิงโจมตีอิหร่านก่อน
"การชิงโจมตีก่อนเป็นงานที่ยากลำบาก แต่ถ้าอิหร่านต้องการรุกรานพื้นที่ทางตอนเหนือของอิสราเอล เราก็พร้อมที่จะต่อสู้กับพวกเขา และเราจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องรัฐอิสราเอล โดยไม่ปฏิเสธทางเลือกในการชิงโจมตีก่อน" นายเนทันยาฮูกล่าว
ที่ผ่านมา กองทัพอากาศของอิสราเอลได้ทำการโจมตีหลายร้อยครั้งในซีเรีย โดยเล็งเป้าหมายอิหร่าน และคลังอาวุธของกลุ่มฮิสบอลเลาะห์ในเลบานอน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน
-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 33,837,731 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1,012,582 ราย
สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (7,406,146) รองลงมาคืออินเดีย (6,223,519), บราซิล (4,780,317), รัสเซีย (1,167,805), โคลอมเบีย (824,042) และเปรู (811,768)
นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (210,785) ตามมาด้วยบราซิล (143,010), อินเดีย (97,529), เม็กซิโก (77,163) และสหราชอาณาจักร (42,072)
-- นางมาร์กาเร็ต แฮร์ริส โฆษกองค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า การที่ทั่วโลกมีจำนวนผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ทะลุ 1 ล้านคน ถือเป็นการบรรลุหลักไมล์ที่น่าเศร้า ขณะที่ผู้ป่วยจำนวนมากได้เสียชีวิตอย่างว้าเหว่จากการถูกกักตัวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด โดยไม่สามารถบอกลากับสมาชิกในครอบครัว
"คนเป็นจำนวนมากได้สูญเสียสมาชิกในครอบครัวโดยไม่มีโอกาสบอกลา หลายคนต้องตายอย่างโดดเดี่ยว และเผชิญความตายอย่างว้าเหว่ สิ่งดีเพียงอย่างเดียวเกี่ยวกับไวรัสนี้คือมันถูกกำจัดได้ เพราะมันไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่" นางแฮร์ริสกล่าว
-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจวันนี้ อังกฤษมีกำหนดเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2563 เยอรมนีจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนส.ค. และอัตราว่างงานเดือนก.ย. ขณะที่สหรัฐเตรียมเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ย.จาก ADP, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2563 ,กำไรภาคเอกชนไตรมาส 2/2563, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนก.ย., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนส.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)
ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นเตรียมเปิดเผยความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ของญี่ปุ่น (ทังกัน) ประจำไตรมาส 3 เกาหลีใต้จะเปิดเผยยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนก.ย. อินโดนีเซียจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย. ด้านมาร์กิตมีกำหนดเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนก.ย.ของฝรั่งเศส, เยอรมนี อียู และสหรัฐ รวมถึงดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนก.ย.ของอังกฤษซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับซีไอพีเอส ขณะที่อียูจะเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนส.ค. และสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนส.ค., ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และการใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนส.ค.