สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า โกลด์แมน แซคส์ ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐ จะเริ่มปรับลดพนักงานราว 400 ตำแหน่ง หรือคิดเป็น 1% ของพนักงานทั้งหมด
นายแพท สแกนแลน โฆษกของโกลด์แมน แซคส์ในนิวยอร์กกล่าวว่า "เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ธนาคารได้ออกมาประกาศว่าจะระงับการปรับลดพนักงานเอาไว้ก่อน แต่ตอนนี้ ธนาคารได้ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องเดินหน้าต่อไปด้วยการปลดพนักงานออกบางส่วน"
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวล่าสุดของโกลด์แมน แซคส์เกิดขึ้น ในขณะที่บรรดาธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐกำลังเผชิญความยากลำบาก เนื่องจากกฎระเบียบใหม่ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้กำหนดให้มีการควบคุมการใช้จ่ายไม่ให้เกินจากผลประกอบการเฉลี่ยในช่วงที่ผ่านมา
เฟดได้กำหนดให้ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐจะต้องกันเงินทุนสำรองไว้ที่ระดับปัจจุบันด้วยการระงับการซื้อหุ้นคืน และจำกัดการจ่ายเงินปันผลในไตรมาส 3/2563 โดยเฟดออกคำสั่งดังกล่าวหลังจากเปิดเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) ของธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ 34 แห่งในสหรัฐเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ เฟดยังกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งต้องประเมินความต้องการเงินทุน และจะต้องยื่นแผนการใช้จ่ายทุนในช่วงต่อไปของปีนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ของการทดสอบ Stress Test ที่ธนาคารพาณิชย์ของสหรัฐจะต้องยื่นแผนการใช้จ่ายอีกครั้งในปีนี้ และอาจจะยังคงมีการกำหนดข้อจำกัดในการใช้จ่ายของธนาคารต่างๆ ต่อไป
ก่อนหน้านี้ เวลส์ ฟาร์โกซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของสหรัฐก็ได้ออกมาเปิดเผยว่า กำลังพิจารณาที่จะปรับลดพนักงานหลายพันคน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทบทวนกลยุทธ์เพื่อฟื้นฟูผลกำไร หลังจากธนาคารมีผลกำไรทรุดตัวลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์
ส่วนเจพีมอร์แกนซึ่งเป็นธนาคารสหรัฐที่มีกำไรมากที่สุดนั้น ได้เริ่มปรับลดพนักงานหลายร้อยคนแล้ว จากจำนวนพนักงานทั้งหมดที่มีมากกว่า 256,000 คน ณ สิ้นเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา