สายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ และยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ของสหรัฐ เปิดเผยว่าทางสายการบินจะเริ่มดำเนินการปลดพนักงาน 32,000 คน หลังจากทำเนียบขาวและสภาคองเกรสยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ซึ่งจะครอบคลุมถึงการช่วยเหลืออุตสาหกรรมการบิน
สำหรับมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลกลางต่ออุตสาหกรรมการบินสหรัฐ ซึ่งมีเงื่อนไขระบุไว้ว่า ห้ามสายการบินลดตำแหน่งงาน ปลดพนักงานโดยไม่สมัครใจ และลดค่าจ้างของพนักงาน จะสิ้นสุดลงในวันที่ 1 ต.ค.
อย่างไรก็ดี ทั้งสองสายการบินยังเปิดทาง โดยระบุว่าหากรัฐบาลสหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงช่วยเหลือมูลค่า 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ให้กับสายการบินได้ในไม่กี่วันข้างหน้า ก็จะยกเลิกการปลดพนักงานและเรียกพนักงานกลับมาทำงาน
ความเคลื่อนไหวของ 2 ใน 4 สายการบินที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐดังกล่าว จะเป็นการปลดพนักงานออกครั้งแรก และอาจเป็นครั้งใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมการบิน
ขณะที่ยังพอมีข่าวดีอยู่บ้าง เมื่อมีรายงานว่านายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้แสดงความหวังว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ก่อนหน้านี้ นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐซึ่งสังกัดพรรคเดโมแครตเปิดเผยว่า พรรคเดโมแครตเสนอมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ทางทำเนียบขาวมองว่า วงเงินดังกล่าวนั้นมากเกินไป โดยวงเงินที่มากกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์นั้นจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในภายหลัง จึงเป็นเหตุให้ทำเนียบขาวเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในวงเงิน 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงการเพิ่มเงินช่วยเหลืออุตสาหกรรมสายการบินอีก 2 หมื่นล้านดอลลาร์ด้วย
ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐและสภาคองเกรสกำลังหาทางประนีประนอมกันในประเด็นการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว