อย่างไรก็ดี คาดว่าร่างมาตรการดังกล่าวจะไม่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาซึ่งพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก โดยนายมิทช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐ ได้คัดค้านร่างมาตรการฉบับนี้ เนื่องจากเขาเล็งเห็นความจำเป็นในการเพิ่มเงินให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางในการรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
-- ตลาดหุ้นญี่ปุ่นกลับมาซื้อขายอีกครั้งวันนี้ หลังจากทางตลาดได้ตัดสินใจยกเลิกการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งหมดเมื่อวานนี้ เนื่องจากพบปัญหาเกี่ยวกับระบบเครือข่าย
เมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นจัดการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนโดยยืนยันว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นจนทำให้ต้องระงับการซื้อขายหุ้นนั้นไม่ได้เกิดจากการโจมตีทางไซเบอร์
นายโคอิชิโร มิยาฮารา ประธานตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ทางตลาดจะทำการเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ และรีสตาร์ทระบบเพื่อเริ่มการซื้อขายในวันพรุ่งนี้ หลังจากตลาดต้องระงับการซื้อขายตลอดทั้งวัน เนื่องจากพบปัญหาในระบบการซื้อขายทางอิเล็กทรอนิก
-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 34,193,966 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1,019,252 ราย
สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (7,450,637) รองลงมาคืออินเดีย (6,312,584), บราซิล (4,813,586), รัสเซีย (1,185,231), โคลอมเบีย (829,679) และเปรู (814,829)
นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (211,778) ตามมาด้วยบราซิล (143,962), อินเดีย (98,708), เม็กซิโก (77,646) และสหราชอาณาจักร (42,143)
-- กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีจำนวน 2,415 ราย ส่งผลให้ขณะนี้ฟิลิปปินส์มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 314,079 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)
ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตรายใหม่จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีจำนวน 59 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตรวม 5,562 ราย
ทั้งนี้ อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงที่สุดในอาเซียน โดยมีจำนวน 10,856 ราย และมีผู้ติดเชื้อจำนวน 291,182 ราย
-- กระทรวงสาธารณสุขและกีฬาของเมียนมาแถลงว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีจำนวน 1,010 ราย ส่งผลให้ขณะนี้เมียนมามีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 14,383 ราย
นอกจากนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 อยู่ที่ระดับ 321 ราย
ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเมียนมาได้พุ่งขึ้นถึง 4 เท่าในเดือนส.ค. นับตั้งแต่ที่มีการตรวจพบการแพร่ระบาดที่รัฐยะไข่
-- ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ประกาศคงอัตราดอกเบี้ย overnight reverse repurchase ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่ระดับ 2.25% เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
นอกจากนี้ ธนาคารกลางยังได้คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ข้ามคืน และอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก สู่ระดับ 2.75% และ 1.75% ตามลำดับ
ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางได้อนุมัติมาตรการของรัฐบาลวงเงิน 5.4 แสนล้านเปโซ (1.11 หมื่นล้านดอลลาร์) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 837,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 850,000 ราย หลังจากอยู่ที่ระดับ 873,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้
ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกต่ำกว่าระดับ 1 ล้านรายเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน หลังจากพุ่งเหนือระดับ 1 ล้านรายเป็นเวลานาน 5 เดือน นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในเดือนมี.ค.
ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกได้พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์แตะระดับ 6.867 ล้านรายในช่วงปลายเดือนมี.ค. โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ภาคธุรกิจปิดกิจการ และมีการปลดพนักงานจำนวนมาก
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือนส.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.8% หลังจากเพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนก.ค.
ก่อนหน้านี้ การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐดิ่งลง 12.6% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการเก็บรวบรวมข้อมูลในปี 2502
ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากดีดตัวขึ้น 0.3% เช่นกันในเดือนก.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE เพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนส.ค.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พื้นฐานดีดตัวขึ้น 1.6% ในเดือนส.ค.
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 55.4 ในเดือนก.ย. จากระดับ 56.0 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2561 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 56.3
ด้านไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 53.2 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีที่แล้ว จากระดับ 53.1 ในเดือนส.ค.
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างของสหรัฐพุ่งขึ้น 1.4% ในเดือนส.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนก.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนส.ค.
เมื่อเทียบรายปี การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างของสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.5% ในเดือนส.ค.
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญวันนี้ สหรัฐเตรียมรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย. เวลา 19.30 น. ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 850,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 8.2% ในเดือนก.ย.
ต่อด้วยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนส.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน เวลา 21.00 น.