ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐเปิดเผยผ่านทางทวิตเตอร์ว่า ตนเองและนางเมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลข 1 มีผลตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นบวก
-- แอมะซอน (Amazon) ออกมาเปิดเผยเป็นครั้งแรกว่า มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในหมู่พนักงานของบริษัท โดยมีพนักงานกว่า 19,000 ราย หรือคิดเป็น 1.44% ของพนักงานทั้งหมด ติดโรคโควิด-19
-- กระทรวงกิจการภายในประเทศและการสื่อสารของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า อัตราว่างงานของญี่ปุ่นเดือนส.ค. ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 3% เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางธุรกิจ
-- กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า พลเมืองชาวญี่ปุ่นจะได้รับการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ โดยมาตรการดังกล่าวซึ่งได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานให้คำปรึกษาของรัฐบาลแล้วนั้น มีเป้าหมายที่จะลดจำนวนการติดเชื้อและการเสียชีวิตจากโควิด-19
-- นายหู สีจิน บรรณาธิการบริหารของหนังสือพิมพ์โกลบอลไทม์ซึ่งเป็นสื่อของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เปิดเผยผ่านทางทวิตเตอร์ว่า "ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ และสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ต้องจ่ายเดิมพันที่เขาเพิกเฉยต่ออันตรายของโรคโควิด-19 โดยข่าวการติดเชื้อของทั้งสองแสดงให้เห็นถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดที่รุนแรงในสหรัฐ ซึ่งเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของปธน.ทรัมป์และสหรัฐ และอาจจะส่งผลกระทบด้านลบต่อการเลือกตั้งสมัยสองของเขาด้วย"
-- โมเดอร์นา (Moderna) ซึ่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐเปิดเผยว่า จะรู้ผลการทดลองทางคลินิกกับวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทได้อย่างเร็วที่สุดในวันที่ 25 พ.ย.นี้ และบริษัทจะไม่มีการจัดจำหน่ายวัคซีนดังกล่าวก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 3 พ.ย.
-- สื่อต่างประเทศรายงานว่า แอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) บริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของอังกฤษ จะเริ่มการทดลองทางคลินิกอีกครั้งสำหรับวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ในประเทศญี่ปุ่นอีกครั้ง หลังจากได้ปรึกษาหารือกับองค์การเภสัชกรรมและอุปกรณ์การแพทย์แห่งญี่ปุ่น (PMDA) แล้ว
-- นายไมเคิล แม็คคอร์แม็ค รองนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย เปิดเผยว่า ออสเตรเลียจะอนุญาตให้ชาวนิวซีแลนด์สามารถเดินทางเข้ามายังรัฐนิวเซาท์เวลส์ และนอร์ทเทิร์น เทอร์ริทอรี่ ได้โดยไม่ต้องกักตัว ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.เป็นต้นไป