World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 7, 2020 09:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบ 375.88 จุดเมื่อคืนนี้ (6 ต.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้สั่งการให้คณะบริหารของทำเนียบขาวระงับการเจรจาเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่กับพรรคเดโมแครต ไปจนถึงหลังวันเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย. ซึ่งข่าวดังกล่าวถือเป็นการดับความหวังของนักลงทุนที่ต่างก็เชื่อมั่นว่า ทำเนียบขาวและพรรคเดโมแครตจะสามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อออกมาตรการดังกล่าวในเร็วๆนี้

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐทวีตข้อความในวันอังคารตามเวลาสหรัฐว่า "ผมได้สั่งการให้คณะบริหารของผมระงับการเจรจาเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่กับพรรคเดโมแครต ไปจนถึงหลังวันเลือกตั้ง ซึ่งเมื่อผมชนะการเลือกตั้ง เราก็จะผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งสำคัญ ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่การให้ความช่วยเหลือชาวอเมริกันที่ทำงานหนัก และภาคธุรกิจขนาดเล็ก"

การทวีตข้อความดังกล่าวของปธน.ทรัมป์เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาเรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากสหรัฐยังคงจำเป็นต้องใช้มาตรการทางการเงินและการคลังเพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น มิฉะนั้นจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน

-- ราคาทองฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 25 ดอลลาร์ หลุดจากระดับ 1,900 ดอลลาร์/ออนซ์ ในช่วงเช้านี้ ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันดิบ WTI ก็ร่วงลงกว่า 2% หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ระบุว่า เขาได้สั่งการให้คณะบริหารของทำเนียบขาวระงับการเจรจาเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่กับพรรคเดโมแครต ไปจนถึงหลังวันเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย. ส่งผลให้

-- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนเมื่อวานนี้ ขานรับข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีอาการดีขึ้น และล่าสุดได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว หลังเข้ารับการรักษาอาการป่วยจากโรคโควิด-19

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังจับตาความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งการประชันวิสัยทัศน์ของคู่ชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐ ระหว่างนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ จากพรรครีพับลิกัน และนางคามาลา แฮร์ริส ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต ในการดีเบตวันที่ 7 ต.ค.นี้

-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งขึ้นมากกว่าคาดในเดือนส.ค. โดยเพิ่มขึ้น 5.9% สู่ระดับ 6.71 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2549 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.61 หมื่นล้านดอลลาร์

กระทรวงพาณิชย์ยังเปิดเผยว่า การนำเข้าเพิ่มขึ้น 3.2% สู่ระดับ 2.39 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค. ขณะที่การส่งออกเพิ่มขึ้น 2.2% สู่ระดับ 1.719 แสนล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ สหรัฐมีตัวเลขขาดดุลการค้าของจีนลดลง 1.9 พันล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 2.64 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค.

-- นายแพทย์ฌอน คอนลีย์ แพทย์ประจำทำเนียบขาว แถลงว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีสุขภาพดีขึ้นอย่างมาก และไม่มีอาการป่วยจากโรคโควิด-19

"ท่านได้พักผ่อนเต็มที่ในคืนแรกที่ทำเนียบขาว โดยไม่มีอาการใดๆ ขณะที่ผลการตรวจร่างกายพบว่าปกติ และมีระดับออกซิเจนอยู่ที่ 95-97% โดยรวมแล้วท่านมีสุขภาพที่ดีมาก" แถลงการณ์ระบุ

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความเมื่อวานนี้ว่า เขาพร้อมที่จะทำการดีเบตกับนายโจ ไบเดน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต ในสัปดาห์หน้า

"ผมเฝ้ารอที่จะทำการดีเบตในวันพฤหัสบดีที่ 15 ต.ค.ที่ไมอามี มันจะเป็นเรื่องที่ดีมาก" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

-- แอปเปิลประกาศจัดอีเวนต์ครั้งใหม่ในวันที่ 13 ต.ค. เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือเวลาเที่ยงคืนตามเวลาไทย โดยจะมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก ทั้งนี้ แอปเปิลเลือกที่จะใช้ประโยค "Hi, Speed." บนเว็บไซต์ เป็นการบ่งบอกว่า ในงานอีเวนต์ครั้งนี้ แอปเปิลจะเปิดตัว iPhone 12 ซึ่งรองรับระบบ 5G โดยเป็นการรับส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูง คาดว่าแอปเปิลจะเปิดตัว iPhone 12 ถึง 4 รุ่น ในสัปดาห์หน้า ซึ่งได้แก่ iPhone 12 Mini ซึ่งมีหน้าจอ 5.4", iPhone 12 ซึ่งมีหน้าจอ 6.1", iPhone 12 Pro มีหน้าจอ 6.1" และ iPhone 12 Pro Max หน้าจอ 6.7" หลังการเปิดตัว iPhone 12 ในวันที่ 13 ต.ค. คาดว่าแอปเปิลจะเปิดพรีออเดอร์ในวันที่ 16 ต.ค. และรับสินค้าในวันที่ 23 ต.ค.

-- นางคริสตาลินา จอร์จีวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวในวันนี้ว่า IMF จะปรับเพิ่มตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจโลกในปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ได้อยู่ในภาวะที่น่าวิตกเหมือนกับในช่วงที่ IMF รายงานตัวเลขประมาณการในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา

ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา IMF ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้า พร้อมกับเตือนว่าสถานะทางการคลังของรัฐบาลประเทศต่างๆจะทรุดตัวลงอย่างหนัก ขณะที่ได้รับผลกระทบจากการทุ่มงบประมาณเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดย IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะหดตัวลง 4.9% ในปีนี้ ซึ่งย่ำแย่กว่าที่คาดการณ์ในเดือนเม.ย.ว่าจะหดตัวลง 3% นอกจากนี้ IMF ยังปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้าสู่ระดับ 5.4% ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ในเดือนเม.ย.ว่าจะขยายตัว 5.8%

-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 36,038,353 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1,054,541 ราย

สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (7,722,746) รองลงมาคืออินเดีย (6,754,179), บราซิล (4,970,953), รัสเซีย (1,237,504), โคลอมเบีย (869,808) และสเปน (865,631)

นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (215,822) ตามมาด้วยบราซิล (147,571), อินเดีย (104,591), เม็กซิโก (82,348) และสหราชอาณาจักร (42,445)

-- นายแพทย์ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายโครงการฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวเตือนว่า ตัวเลขประมาณการที่ดีที่สุดของ WHO ระบุว่า ขณะนี้ประชากรราว 1 ใน 10 ของทั่วโลกได้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้ว ซึ่งสูงกว่าตัวเลขที่มีการรายงานกว่า 20 เท่า

หากประชากรราว 1 ใน 10 ของทั่วโลกติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะหมายความว่า ขณะนี้มีประชากรมากกว่า 760 ล้านคนทั่วโลกที่ติดเชื้อโควิด-19 จากจำนวนประชากรทั้งหมด 7,600 ล้านคน ซึ่งสูงกว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อที่มีการรายงานจาก WHO และมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ที่ระดับมากกว่า 35 ล้านคน

ผู้เชี่ยวชาญระบุก่อนหน้านี้ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีการรายงานได้ต่ำกว่าอย่างมากจากตัวเลขผู้ติดเชื้อจริง

นายแพทย์ไรอันระบุว่า ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่าประชากรโลกส่วนใหญ่ยังคงเผชิญความเสี่ยงจากไวรัสโควิด-19 โดยจำนวนผู้ติดเชื้อกำลังพุ่งขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นในยุโรปและแถบตะวันออกของเมดิเตอร์เรเนียน แต่สถานการณ์ดีขึ้นในแอฟริกาและแปซิฟิกตะวันตก

-- องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่า ประเทศทั่วโลกอาจได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 ในช่วงปลายปีหน้า ซึ่งล่าช้ากว่าที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะมีการแจกจ่ายวัคซีนในช่วงกลางปีหน้า

นายโซคอร์โร เอสคาแลนเต ผู้ประสานงานประจำภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตกของ WHO กล่าวว่า ประเทศที่เข้าร่วมโครงการ COVAX ของ WHO ซึ่งเป็นโครงการกระจายวัคซีนต้านโควิด-19 ให้แก่ประเทศสมาชิก จะยังไม่สามารถได้รับวัคซีนดังกล่าวเป็นเวลาอีกกว่า 1 ปีจากในขณะนี้ เมื่อพิจารณาจากความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนในปัจจุบัน ส่งผลให้มีการเลื่อนเป้าหมายกำหนดเวลาสำหรับโครงการ COVAX ในการรับวัคซีนจำนวน 2 พันล้านโดสออกไปเป็นปลายปีหน้า

นายเอสคาแลนเตกล่าวว่า ปัจจุบันมีวัคซีนต้านโควิด-19 จำนวน 193 ตัวที่กำลังอยู่ในช่วงการทดลอง ขณะที่ 10 ตัวอยู่ในช่วงการทดลองในระยะที่ 3

-- กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีจำนวน 2,093 ราย ส่งผลให้ขณะนี้ฟิลิปปินส์มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 326,833 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ขณะที่ผู้เสียชีวิตรายใหม่จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีจำนวน 25 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตรวม 5,865 ราย

-- กระทรวงสาธารณสุขและกีฬาของเมียนมาแถลงเมื่อวานนี้ว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีจำนวน 1,252 ราย ส่งผลให้ขณะนี้เมียนมามีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 20,033 ราย และจำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 อยู่ที่ระดับ 471 ราย

ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเมียนมาได้พุ่งขึ้นถึง 4 เท่าในเดือนส.ค. นับตั้งแต่ที่มีการตรวจพบการแพร่ระบาดที่รัฐยะไข่

-- นายมูห์ยิดดิน ยัสซิน นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าวว่า รัฐบาลเตรียมประกาศมาตรการล็อกดาวน์ในพื้นที่ซึ่งมีการแพร่ระบาดอย่างหนักของไวรัสโควิด-19 แต่จะไม่มีการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ เนื่องจากจะกระทบต่อเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ นายยัสซินแถลงดังกล่าวผ่านทางเฟซบุ๊ก ขณะที่เขากำลังกักตัวเองเป็นเวลา 14 วัน หลังจากพบว่ารัฐมนตรีคนหนึ่งที่ได้เข้าร่วมการประชุมกับเขาได้ติดเชื้อโควิด-19

มาเลเซียเผชิญกับตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นอย่างมากในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขมาเลเซียแถลงวานนี้ว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีจำนวน 691 ราย ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาด ส่งผลให้ขณะนี้มาเลเซียมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 13,504 ราย ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 อยู่ที่ระดับ 141 ราย

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่มีกำหนดการเปิดเผยในวันนี้ โดยเยอรมนีจะเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. อังกฤษจะเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนก.ย.จากฮาลิแฟกซ์ และสหรัฐจะเปิดเผยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รวมถึงเผยรายงานการประชุมวันที่ 15-16 ก.ย. ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) (เช้าวันที่ 8 ต.ค.)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้และญี่ปุ่นมีกำหนดการเปิดเผยดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนส.ค. เยอรมนีเตรียมเปิดเผยดุลการค้าเดือนส.ค. และสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ