ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 ต.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์หันกลับมาให้การสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งรวมถึงการอัดฉีดเงินเพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมการบิน นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งบ่งชี้ถึงความสำคัญของการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,303.46 จุด เพิ่มขึ้น 530.70 จุด หรือ +1.91%
-- ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ กลับมาให้การสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการอัดฉีดเงินเพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมการบิน นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งบ่งชี้ถึงความสำคัญของการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่
-- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 15-16 ก.ย. โดยระบุว่า กรรมการเฟดได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ โดยเฉพาะมาตรการให้ความช่วยเหลือคนว่างงานซึ่งได้หมดอายุลงตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยเฟดย้ำว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้น ถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อการพยุงเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว
รายงานการประชุมซึ่งมีการเผยแพร่ในวันพุธตามเวลาสหรัฐ ระบุว่า แม้ตลาดแรงงานสหรัฐเริ่มฟื้นตัวในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แต่ภาพรวมของตลาดแรงงานยังคงอยู่ห่างไกลจากคำว่า "ฟื้นตัวอย่างเต็มที่" เนื่องจากตัวเลขการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นนั้น บางส่วนเป็นพนักงานที่ถูกเลย์ออฟชั่วคราวและได้รับการว่าจ้างให้กลับมาทำงานใหม่
-- เมื่อคืนนี้ นายแพทย์ฌอน คอนลีย์ แพทย์ประจำทำเนียบขาว แถลงว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ไม่มีอาการป่วยจากโรคโควิด-19 ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ขณะที่ผลการตรวจร่างกายพบว่าปกติ
นายแพทย์คอนลีย์ยังระบุว่า ปธน.ทรัมป์ไม่มีอาการไข้นานกว่า 4 วันแล้ว และไม่จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเพิ่มเติม นับตั้งแต่ที่เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว
-- นายนีล แคชแครี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขามินเนอาโพลิส เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อช่วยเหลือคนว่างงาน ธุรกิจขนาดย่อม รวมทั้งรัฐบาลประจำมลรัฐ และรัฐบาลท้องถิ่น
"หากรัฐบาลไม่ออกมาตรการช่วยเหลือก็จะส่งผลกระทบอย่างมากมาย โดยถ้าเราไม่ช่วยคนที่ตกงาน เขาก็จะไม่สามารถชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเนื่องทางเศรษฐกิจ ทำให้เกิดช่วงขาลงที่รุนแรงมากเกินคาด" นายแคชแครีกล่าว
-- มหาวิทยาลัยหลายแห่งในอังกฤษประกาศยุติการเรียนการสอนในชั้นเรียน โดยให้เรียนผ่านระบบออนไลน์ อันเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์, มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ เมโทรโพลิแทน และมหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์ ซึ่งเป็น 3 มหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดของอังกฤษ ประกาศปรับการเรียนการสอนเป็นระบบออนไลน์เพื่อป้องกันสุขภาพของนักศึกษาและอาจารย์
-- สภาทองคำโลก (WGC) เปิดเผยว่า ธนาคารกลางทั่วโลกได้ขายทองคำสุทธิในเดือนส.ค. หลังจากที่ได้ซื้อสุทธิยาวนานถึง 1 ปีครึ่ง ซึ่งได้ช่วยหนุนให้ราคาทองพุ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
WGC เปิดเผยว่า ธนาคารกลางต่างๆได้ขายทองคำสุทธิจำนวน 12.3 ตันในเดือนส.ค. และขณะนี้ธนาคารกลางทั่วโลกถือครองทองคำราว 35,000 ตัน มูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์
-- กลุ่มแรงงานและนักศึกษาในอินโดนีเซียได้ออกมาประท้วงรัฐบาลเป็นวันที่ 2 โดยมีการชุมนุมกันในหลายเมืองทั่วประเทศเพื่อคัดค้านกฏหมายจ้างงานฉบับใหม่ที่พวกเขามองว่าเอื้อต่อนายทุน ขณะที่ส่งผลกระทบต่อแรงงานและสิ่งแวดล้อม
ตำรวจอินโดนีเซียได้จับกุมตัวผู้ประท้วงราว 400 คน โดยบางคนพกอาวุธ และระเบิดขวด ขณะที่ผู้ชุมนุมบางส่วนเผายาง และขว้างก้อนหินใส่ตำรวจ
-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่มีกำหนดการเปิดเผยในวันนี้ เกาหลีใต้และญี่ปุ่นมีกำหนดการเปิดเผยดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนส.ค., เยอรมนีเตรียมเปิดเผยดุลการค้าเดือนส.ค. และสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นมีกำหนดเปิดเผยการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเดือนส.ค., จีนจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.ย.จากไฉซิน, อังกฤษมีกำหนดเปิดเผยดุลการค้าเดือนส.ค. และสหรัฐจะเปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนส.ค.