นายเคนจิ นากานิชิ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า การที่จีนเดินหน้าปราบปรามผู้ละเมิดกฎหมายความมั่นคงในฮ่องกง และการที่สิงคโปร์ออกมาตรการจำกัดแรงงานต่างชาตินั้น อาจช่วยให้ญี่ปุ่นผงาดขึ้นเป็นศูนย์กลางทางการเงินระดับโลก แม้อัตราภาษีเงินได้ในญี่ปุ่นสูงกว่าประเทศอื่นก็ตาม
นายนากานิชิกล่าวว่า "เป็นไปไม่ได้ที่ญี่ปุ่นจะเรียกเก็บภาษีเงินได้ในอัตราเดียวกับประเทศที่มีต้นทุนประกันสังคมไม่สูงเท่าญี่ปุ่น แต่การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยก็อาจสร้างความแตกต่างได้ และรัฐบาลจำเป็นต้องส่งสารให้ชัดเจน"
นอกจากนี้ การที่บริษัทต่างๆต้องกระจายการดำเนินงานในยุคโควิด-19 ยังเป็นโอกาสให้ญี่ปุ่นผลักดันการเป็นศูนย์กลางการเงินระหว่างประเทศของตนเองด้วย
คำกล่าวของนายนากานิชิมีขึ้นหลังจากที่นายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า ญี่ปุ่นต้องเร่งปรับลดภาษีบางส่วนและปรับให้บริการต่างๆสามารถให้บริการในภาษาอังกฤษได้ โดยความพยายามดังกล่าวเป็นหนึ่งในวาระการปฏิรูปญี่ปุ่นของนายซูงะ
ที่ผ่านมานั้น การที่ญี่ปุ่นมีการเรียกเก็บภาษีเงินได้ในอัตราที่สูงกว่า มีสภาพแวดล้อมการทำงานที่ใช้ภาษาอังกฤษน้อยกว่า และเศรษฐกิจเติบโตช้ากว่า เมื่อเทียบกับจีนนั้น ทำให้ธนาคารและกองทุนต่างๆไม่ค่อยสนใจที่จะเข้าไปตั้งสำนักงานใหญ่ในญี่ปุ่น นอกจากนี้ เหตุการณ์ที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นต้องระงับการซื้อขายหลักทรัพย์ในวันที่ 1 ต.ค.เนื่องจากระบบขัดข้องนั้น ยังได้ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน