นางคริสตาลินา จอร์จีวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า สหรัฐจะสามารถออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ในที่สุด ซึ่งจะช่วยลดความไม่แน่นอนสำหรับเศรษฐกิจโลก
นางจอร์จีวากล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐจะส่งผลบวกที่มีความจำเป็นต่อเศรษฐกิจโลก และหากมีการออกมาตรการได้เร็วกว่านี้ ก็จะช่วยทำให้เกิดความแน่นอน ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นท่ามกลางวิกฤตการณ์ในปัจจุบัน
ผู้อำนวยการ IMF ยังกล่าวว่า นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนโยบายการคลังของรัฐบาลสหรัฐ เป็น 2 ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจสหรัฐ และจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ถ้าหากมีการใช้ควบคู่กันในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงใกล้ 0% และซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) วงเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อพยุงเศรษฐกิจสหรัฐ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในขณะนั้น ส่วนทางรัฐบาลสหรัฐก็ได้ใช้นโยบายทางการคลังในการออกมาตรการเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 วงเงิน 2 ล้านล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ดี การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสองของรัฐบาลสหรัฐยังคงประสบภาวะชะงักงัน
นายมิทช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐ กล่าวว่า เขาไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่จะเพิ่มวงเงินในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสูงกว่า 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ โดยเขาเห็นว่าวงเงิน 5 แสนล้านดอลลาร์มีความเหมาะสมต่อการเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
"สมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาให้การสนับสนุนมาตรการวงเงิน 5 แสนล้านดอลลาร์ โดยเห็นว่าเป็นวงเงินที่เหมาะสม" นายแมคคอนเนลล์กล่าว
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาพร้อมที่จะยื่นข้อเสนอใหม่ โดยจะเพิ่มวงเงินในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสูงกว่าระดับ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน เพื่อให้ทำเนียบขาวสามารถบรรลุข้อตกลงกับนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ขณะที่พรรคเดโมแครตเสนอวงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์