-- นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวให้สัมภาษณ์ในรายการ "This Week" ของสถานีโทรทัศน์ ABC ว่า แม้ขณะนี้พรรคเดโมแครตและคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงมีความเห็นที่ขัดแย้งกันในหลายประเด็นเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่เพื่อเยียวยาผลกระทบโควิด-19 แต่เธอมีมุมมองเป็นบวกว่า มาตรการดังกล่าวจะได้รับการผลักดันให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายได้ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย.นี้ นางเพโลซียืนยันว่า เธอเองนั้นต้องการให้ร่างมาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายก่อนการเลือกตั้งวันที่ 3 พ.ย. แต่การที่จะมีผลบังคับใช้ได้นั้น พรรคเดโมแครตและคณะบริหารของปธน.ทรัมป์จะต้องบรรลุข้อตกลงกันให้ได้ภายในเวลา 48 ชั่วโมงก่อนที่จะถึงวันเลือกตั้ง
"เรากำหนดเอาไว้ว่า ทั้งสองฝ่ายจะต้องบรรลุข้อตกลงกันให้ได้ภายในเวลา 48 ชั่วโมงก่อนวันเลือกตั้งในวันที่ 3 พ.ย. ดิฉันเองยังคงมีมุมมองบวกในเรื่องนี้ หลังจากที่เราได้เจรจาต่อรองกันเป็นเวลานาน" นางเพโลซีกล่าว
-- อเมริกัน แอร์ไลน์ กรุ๊ป เปิดเผยว่า ทางสายการบินวางแผนที่จะนำเครื่องบินโบอิ้ง 737 แม็กซ์ (Boeing 737 Max) กลับมาบินให้บริการผู้โดยสารอีกครั้งในช่วงปลายปีนี้ โดยขึ้นอยู่กับใบอนุญาตขึ้นบินของเครื่องบินรุ่นนี้จากองค์การบริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกา (FAA)
สายการบินระบุว่าจะนำเครื่องบิน 737 แม็กซ์มาให้บริการเที่ยวบินระหว่างไมอามีและนิวยอร์ก ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค. - 4 ม.ค. โดยเปิดให้จองเที่ยวบินตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค.
อเมริกัน แอร์ไลน์ ระบุในแถลงการณ์ว่า "เราจะยังคงติดต่อประสานงานกับ FAA และโบอิ้งเกี่ยวกับขั้นตอนการขอใบอนุญาต และจะปรับแผนการของเราให้ทันต่อเหตุการณ์"
-- กลุ่มธุรกิจอังกฤษมากกว่า 70 กลุ่ม ซึ่งเป็นตัวแทนแรงงานมากกว่า 7 ล้านคน เรียกร้องให้รัฐบาลอังกฤษและสหภาพยุโรปกลับสู่โต๊ะเจรจาอีกครั้งในสัปดาห์หน้าเพื่อบรรลุข้อตกลงการค้าร่วมกัน หลังจากที่อังกฤษขู่แยกตัวจาก EU โดยไม่มีการทำข้อตกลง
องค์กรต่างๆ ในภาคธุรกิจ เช่น สมาพันธ์อุตสาหกรรมอังกฤษ (CBI), TheCityUK และ techUK ไปจนถึงสหภาพเกษตรกรแห่งชาติ สมาคมผู้ค้าปลีกอังกฤษ และสมาคมผู้ผลิตและผู้จำหน่ายยานยนต์ ได้ขอให้สองฝ่ายหาทางประนีประนอมกันให้ได้เกี่ยวกับเงื่อนไขทางการค้า
ข้อเรียกร้องดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า เขาจะปล่อยให้อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป โดยไม่มีการทำข้อตกลง (no-deal Brexit) หาก EU ไม่ยอมเปลี่ยนท่าทีในการเจรจา
-- วุฒิสภาสหรัฐ ซึ่งพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก เตรียมลงมติร่างมาตรการบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 วงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์ในวันพุธที่ 21 ต.ค.นี้ ซึ่งวงเงินดังกล่าวน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับวงเงินราว 2 ล้านล้านดอลลาร์ที่พรรคเดโมแครตเสนอ
อย่างไรก็ตาม คาดว่าร่างมาตรการบรรเทาผลกระทบดังกล่าวจะไม่ผ่านความเห็นชอบ หลังจากที่เคยถูกเดโมแครตลงมติไม่รับร่างมาแล้วเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา
นายมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา กล่าวในแถลงการณ์วานนี้ว่า การลงมติร่างดังกล่าวจะมีขึ้นหลังจากการโหวตเกี่ยวกับโครงการ Paycheck Protection Program (PPP) ในวันอังคาร
-- พรรคแรงงานของนางจาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ชนะการเลือกตั้งทั่วไปอย่างถล่มทลายตามคาดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เนื่องจากประชาชนพอใจกับผลงานของอาร์เดิร์นในการรับมือกับโรคโควิด-19
ชัยชนะดังกล่าวจะทำให้อาร์เดิร์น วัย 40 ปีสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้เป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ และจะเผชิญกับความท้าทายในการผลักดันการเปลี่ยนแปลงเชิงรุกตามที่เธอเคยสัญญาไว้ แต่ประสบความล้มเหลวในการบริหารประเทศในสมัยแรก ซึ่งพรรคแรงงานบริหารประเทศร่วมกับพรรคชาตินิยม
-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยธนาคารกลางออสเตรเลียเปิดเผยรายงานการประชุม ขณะที่จีนมีกำหนดเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2563, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย., ยอดค้าปลีกเดือนก.ย. และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนก.ย. ทางด้านสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนต.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB)
ส่วนในวันพรุ่งนี้ ธนาคารกลางจีนจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR ประจำเดือนต.ค. ขณะที่สหรัฐเตรียมเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ย.