World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 11, 2020 09:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

จับตาทิศทางตลาดหุ้นเอเชียในวันนี้ หลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดหุ้นนิวยอร์กถูกเทขายเมื่อคืนนี้ เนื่องจากความคืบหน้าของวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ทำให้นักลงทุนเทขายในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งเคยได้อานิสงส์จากการที่ประชาชนต้องทำงานที่บ้านในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19

นักวิเคราะห์จากบริษัทลูโฮลด์ กรุ๊ป ในรัฐมินเนอาโพลิส กล่าวว่า บรรยากาศการซื้อขายในขณะนี้เป็นไปในลักษณะ หมุนเวียนกลุ่มลงทุน (sector rotation) โดยนักลงทุนหันไปซื้อหุ้นที่เชื่อว่าจะได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ ท่ามกลางความหวังที่ว่า ความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 จะนำไปสู่การผลิตในไม่ช้านี้ ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวและทำให้ประชาชนสามารถออกไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ ขณะเดียวกันนักลงทุนมองว่า หุ้นกลุ่มที่เคยได้ประโยชน์จากสถานการณ์ work from home เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดนั้น อาจเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่าในอนาคต จึงทำให้เกิดแรงเทขายหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร

-- นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์การเมืองในสหรัฐอย่างใกล้ชิด หลังจากนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ได้แนะนำไม่ให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง ขณะที่นายมิทช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐยืนยันว่า ปธน.ทรัมป์มีสิทธิ์ 100% ในการตั้งคำถามเกี่ยวกับผลการเลือกตั้ง แม้นายโจ ไบเดน ได้ออกมาประกาศชัยชนะแล้วก็ตาม

-- ผลสำรวจของรอยเตอร์/อิปซอสระบุว่า ชาวอเมริกันเกือบ 80% รวมถึงสมาชิกพรรครีพับลิกันกว่าครึ่งยอมรับว่า นายโจ ไบเดนชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา หลังสื่อส่วนใหญ่รายงานว่า ไบเดนมีคะแนนนำในรัฐสำคัญๆ ที่เป็นสมรภูมิการเลือกตั้ง

เอดิสัน รีเสิร์ชซึ่งจัดทำการสำรวจดังกล่าวระบุว่า ไบเดนมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College votes) 279 คะแนน เกินกว่ากึ่งหนึ่งที่ 270 คะแนนซึ่งจำเป็นต่อการชนะเลือกตั้ง ขณะที่ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์มีคะแนนตามหลังทิ้งห่างที่ 214 คะแนน

นอกจากนี้ ไบเดนยังได้คะแนนเสียงของประชาชน (popular vate) 76.3 ล้านเสียงหรือ 50.7% และทรัมป์ได้ 71.6 ล้านเสียง หรือ 47.6%

-- นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัส กล่าวว่า เขามีความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญความเสี่ยงในช่วงขาลงในระยะสั้น อันเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่เขามีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจในระยะยาว

"ช่วงเวลา 2 ไตรมาสข้างหน้าจะมีความท้าทาย และยากลำบากมาก โดยความเสี่ยงในช่วงขาลงกำลังเพิ่มขึ้นอันเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19" นายแคปแลนกล่าว พร้อมเสริมว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า หลังจากที่มีการแจกจ่ายวัคซีนต้านโควิด-19 ในวงกว้าง

นอกจากนี้ นายแคปแลนยังระบุว่า ตราบใดที่ไวรัสโควิด-19 ยังคงมีการแพร่ระบาด เฟดไม่ควรยกเลิกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการซื้อพันธบัตรวงเงิน 1.2 แสนล้านดอลลาร์ต่อเดือน และโครงการปล่อยสินเชื่อให้แก่ภาคธุรกิจสหรัฐ

-- ทำเนียบขาวแถลงว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และนางเมลาเนีย สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง จะเดินทางไปยังสุสานทหารแห่งชาติอาร์ลิงตันในวันพุธ (11 พ.ย.) เพื่อทำพิธีไว้อาลัยเนื่องในวันทหารผ่านศึก

การเดินทางไปเยือนสุสานทหารดังกล่าวถือเป็นการปรากฎตัวต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกของปธน.ทรัมป์ นับตั้งแต่ที่นายโจ ไบเดน ประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

-- ทำเนียบนายกรัฐมนตรีอังกฤษแถลงเมื่อวานนี้ว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้เชิญนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ เข้าร่วมการประชุมว่าด้วยโลกร้อนขององค์การสหประชาชาติ (COP26) ที่จะจัดขึ้นที่สกอตแลนด์ในปีหน้า

"ท่านนายกฯและคุณไบเดนได้มีการสนทนาทางโทรศัพท์ในวันนี้ โดยมีการหารือกันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างทั้งสองประเทศ และมีการให้คำมั่นที่จะกระชับความสัมพันธ์นี้ต่อไปในช่วงหลายปีข้างหน้าในหลายด้าน เช่น การค้าและความมั่นคง ซึ่งรวมถึงผ่านทางองค์การนาโต"

"ท่านนายกรัฐมนตรียังได้เชิญคุณไบเดนเข้าร่วมการประชุมสุดยอดว่าด้วยโลกร้อน COP26 ที่จะจัดขึ้นที่เมืองกลาสโกวในปีหน้า นอกจากนี้ ยังมีการเชิญคุณไบเดนเข้าร่วมการประชุมสุดยอด G7 ที่อังกฤษจะเป็นเจ้าภาพในปีหน้าเช่นกัน" แถลงการณ์ระบุ

-- อาลีบาบา กรุ๊ป บริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีน เปิดเผยว่า ยอดขายผ่านแพลทฟอร์ม Tmall ในช่วง 30 นาทีแรกของเทศกาลช้อปปิ้งวันคนโสดในปีนี้ (11.11) พุ่งขึ้นแตะระดับ 3.723 แสนล้านหยวน (5.628 หมื่นดอลลาร์)

ทั้งนี้ วันคนโสด ซึ่งตรงกับวันที่ 11 เดือน 11 (11.11) นับเป็นเทศกาลช้อปปิ้งที่สำคัญของจีน และอีกหลายประเทศทั่วโลก โดยมียอดขายมากกว่าวันแบล็ก มันเดย์ และไซเบอร์ มันเดย์ของสหรัฐรวมกันถึง 2 เท่า

ขณะที่สื่อรายงานว่า ยอดขายในวันคนโสดของจีนในปีนี้ (11.11) จะพุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากบรรดาขาช้อปถูกอั้นมาตั้งแต่ช่วงเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้ไม่สามารถออกไปช็อปปิ้งได้

-- สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงานเพิ่มขึ้น 84,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 6.4 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ย. ส่วนอัตราการเปิดรับสมัครงานทรงตัวที่ระดับ 4.3%

ทั้งนี้ ตัวเลข JOLTS นับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสนใจ โดยมองว่าเป็นมาตรวัดภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยในการพิจารณานโยบายการเงิน และอัตราดอกเบี้ยของเฟด

-- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป (ZEW) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีดิ่งลงสู่ระดับ 39.0 ในเดือนต.ค. จากระดับ 56.1 ในเดือนก.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 41.7 โดยดัชนีความเชื่อมั่นได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดรอบสองของไวรัสโควิด-19 ซึ่งอาจฉุดให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันร่วงลงสู่ระดับ -64.3 จากระดับ -59.5 ในเดือนก.ย. แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -65.0

-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 51,802,767 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1,279,159 ราย

สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (10,559,184) รองลงมาคืออินเดีย (8,635,754), บราซิล (5,701,283), ฝรั่งเศส (1,829,659), รัสเซีย (1,817,109), สเปน (1,443,997), อาร์เจนตินา (1,262,476), สหราชอาณาจักร (1,233,775) และโคลอมเบีย (1,156,675)

นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (245,799) ตามมาด้วยบราซิล (162,842), อินเดีย (127,615), เม็กซิโก (95,842) และสหราชอาณาจักร (49,770)

-- นายไรอัน ริชาร์ดสัน หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์ของ BioNTech ซึ่งเป็นบริษัทยาของเยอรมนี และเป็นผู้พัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ร่วมกับไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ กล่าวว่า ทางบริษัทจะคิดค่าวัคซีนดังกล่าวต่ำกว่าราคาตลาด และจะตั้งราคาแตกต่างกันในแต่ละประเทศและภูมิภาค แต่ก็จะคุ้มกับความเสี่ยงทางการเงินในการลงทุนเพื่อพัฒนาวัคซีนดังกล่าว

ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ไฟเซอร์และ BioNTech ออกมาเปิดเผยผลการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 พบว่า มีประสิทธิภาพมากกว่า 90% ในการป้องกันเชื้อไวรัสสำหรับผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อน

ไฟเซอร์จะยื่นจดทะเบียนวัคซีนดังกล่าวต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ในสัปดาห์หน้า และคาดว่าจะมีการผลิตวัคซีน 50 ล้านโดสภายในปีนี้ และ 1.3 พันล้านโดสในปีหน้า

-- สื่อของรัสเซียรายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ประกาศว่า รัสเซียเตรียมอนุมัติการจดทะเบียนวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 เป็นตัวที่ 3 ของประเทศ

ปธน.ปูตินกล่าวว่า วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ทุกตัวของรัสเซียล้วนมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ดี ปธน.ปูตินไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับวัคซีนตัวใหม่ และข้อมูลการจดทะเบียนแต่อย่างใด

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยเกาหลีใต้เปิดเผยอัตราว่างงานเดือนต.ค. และออสเตรเลียเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จากเวสต์แพค

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นมีกำหนดเปิดเผยยอดสั่งซื้อเครื่องจักรเดือนก.ย. ขณะที่เยอรมนีเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค. และอียูเตรียมเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย. ทางด้านสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และอัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ