World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 13, 2020 09:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจหลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างมากในสหรัฐ ซึ่งทำให้หลายรัฐประกาศใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด โดยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มธนาคารซึ่งมีความอ่อนไหวต่อทิศทางเศรษฐกิจร่วงลงอย่างหนัก ขณะที่หุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มธุรกิจเรือสำราญดิ่งลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้น

-- นายแพทย์แอนโทนี ฟอซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐ และเป็นนายแพทย์ใหญ่ของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาว กล่าวว่า แม้ว่าขณะนี้กำลังจะมีวัคซีนซึ่งจะช่วยยุติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าวัคซีนดังกล่าวจะสามารถกำจัดโรคโควิด-19 ได้

นายแพทย์ฟอซีกล่าวว่า ประชาชนไม่ควรชะล่าใจ และปล่อยการ์ดตก หลังมีข่าวว่ามีการพัฒนาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย

"คุณต้องสู้ต่อไป โดยความช่วยเหลือกำลังมา แต่มันยังมาไม่ถึง" นายแพทย์ฟอซีกล่าว และเสริมว่า "ผมขอพูดว่า 'อย่ายอมแพ้ อย่าหมดหวัง เพราะความสำเร็จจะมาถึง' มากกว่าที่จะพูดว่า 'เราไปได้แล้ว ไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว' แต่เรายังไปไม่ได้ เราต้องเพิ่มความพยายามเป็นสองเท่าเกี่ยวกับมาตรการด้านสาธารณสุข"

"ผมไม่มั่นใจว่าเราจะสามารถกำจัดไวรัสนี้ได้ ผมคิดว่าเราต้องวางแผนควบคุมในระยะยาว ขณะที่โควิด-19 อาจกลายเป็นโรคประจำถิ่น" เขากล่าว

-- นายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ญี่ปุ่นยังไม่ได้อยู่ในภาวะที่จะต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศอีกครั้ง แม้จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในญี่ปุ่นพุ่งขึ้นอย่างมากก็ตาม

นายซูงะเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า บรรดาผู้เชี่ยวชาญของญี่ปุ่นต่างก็เห็นพ้องกับรัฐบาลว่า ขณะนี้ญี่ปุ่นยังไม่จำเป็นต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด พร้อมกับกล่าวว่า มาตรการอุดหนุนที่มีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศซึ่งรัฐบาลได้ริเริ่มขึ้นนั้น ยังไม่จำเป็นต้องถูกทบทวนในขณะนี้

-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 52,526,715 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1,291,105 ราย

สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (10,708,728) รองลงมาคืออินเดีย (8,685,084), บราซิล (5,749,007)

นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (247,398) ตามมาด้วยบราซิล (163,406), อินเดีย (128,179), เม็กซิโก (96,430) และสหราชอาณาจักร (50,365)

ทั้งนี้ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ทวีความรุนแรงและรวดเร็วขึ้น โดยทั่วโลกติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 10 ล้านรายภายในเวลา 3 เดือน และสู่ระดับ 20 ล้านรายภายใน 44 วัน, 30 ล้านรายภายใน 38 วัน, 40 ล้านรายภายใน 32 วัน และ 50 ล้านรายภายในเวลาเพียง 22 วัน

-- กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียเปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีจำนวน 4,173 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 452,291 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)

ขณะนี้ การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ลุกลามไปทั้ง 34 จังหวัดของอินโดนีเซีย

ส่วนผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่มีจำนวน 97 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตรวม 14,933 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในอาเซียนเช่นกัน

-- กระทรวงสาธารณสุขและการกีฬาของเมียนมาแถลงว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีจำนวน 1,145 ราย ส่งผลให้ขณะนี้เมียนมามีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 65,598 ราย

นอกจากนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 28 ราย สู่ระดับ 1,508 ราย

ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเมียนมาได้พุ่งขึ้นอย่างมาก นับตั้งแต่ที่มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อเป็นครั้งแรกเพียง 2 รายในวันที่ 23 มี.ค.

-- กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่มีจำนวน 1,643 รายเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยสูงกว่าจำนวน 1,605 รายในวันที่ 7 ส.ค. ส่งผลให้ขณะนี้ญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อสะสม 113,808 ราย โดยไม่รวมถึงผู้ติดเชื้อ 700 รายจากเรือสำราญไดมอนด์ พรินเซสที่ถูกกักตัวอยู่ในเมืองโยโกฮามาเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตทั่วประเทศอยู่ที่ระดับ 1,884 ราย

ทางด้านกรุงโตเกียวเปิดเผยยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวน 393 รายในวันนี้ และมีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 33,770 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดจากทั้ง 47 จังหวัดในญี่ปุ่น

-- บิตคอยน์พุ่งขึ้นเหนือระดับ 16,000 ดอลลาร์เมื่อวานนี้ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2561

ณ เวลา 17.00 น. ตามเวลาไทย บิตคอยน์ดีดตัวแตะระดับ 16,019 ดอลลาร์ในการซื้อขายบนแพลตฟอร์มของ CoinDesk ก่อนที่จะชะลอตัวแตะระดับ 15,773 ดอลลาร์ในเวลาต่อมา

ทั้งนี้ ราคาของบิตคอยน์ได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าในปีนี้ หลังจากที่เคยพุ่งทำสถิติใกล้แตะ 20,000 ดอลลาร์ในเดือนธ.ค.2560

การดีดตัวของบิตคอยน์ในระยะนี้มีขึ้น ท่ามกลางกระแสตอบรับที่คึกคักจากกลุ่มบริษัทฟินเทคในตลาด

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน โดยลดลงสู่ระดับ 709,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว จากระดับ 757,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 735,000 ราย

ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทรงตัวในเดือนต.ค. หลังจากปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย.

ดัชนี CPI ทรงตัวในเดือนต.ค. เนื่องจากการร่วงลงของราคาน้ำมันได้หักล้างการดีดตัวขึ้นของราคาอาหาร

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญวันนี้ ยูโรโซนเตรียมรายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2563 (ประมาณการครั้งที่ 2) เวลา 17.00 น. ตามเวลาไทย

ในการประมาณการก่อนหน้านี้ สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัว 12.7% ในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 9.4% หลังจากหดตัว 11.8% ในไตรมาส 2

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์เตือนว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มหดตัวอีกครั้งในไตรมาส 4 จากการแพร่ระบาดรอบสองของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้รัฐบาลหลายประเทศกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์

ด้านสหรัฐมีกำหนดการรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค. เวลา 20.30 น.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ