ตลาดหุ้นเอเชียอ่อนแรงลงในช่วงเช้านี้ หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการใช้มาตรการเข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ โดยล่าสุดนครนิวยอร์กซิตี้ประกาศปิดโรงเรียนรัฐบาลทุกแห่งหลังจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
-- นายบิล เดอ บลาซิโอ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กซิตี้แถลงว่า โรงเรียนรัฐบาลทุกแห่งในนิวยอร์กซิตี้จะปิดการเรียนการสอน และให้เปลี่ยนไปเรียนทางไกลแทน โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 19 พ.ย.เป็นต้นไป เพื่อปกป้องชุมชนให้ปลอดภัย หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในนิวยอร์กซิตี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในขณะนี้รัฐนิวยอร์กได้กลายเป็นพื้นที่ที่มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 สูงสุดในสหรัฐ
-- ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานว่า ณ เวลา 17.25 น.ของวันพุธตามเวลาสหรัฐ หรือ 05.25 น.ของวันพฤหัสบดีตามเวลาไทย จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 11.4 ล้านราย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นแตะ 250,029 ราย
ทั้งนี้ รัฐนิวยอร์กเป็นรัฐที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในสหรัฐ โดยอยู่ที่ 34,173 ราย ขณะที่รัฐเท็กซัสมีผู้เสียชีวิตรองเป็นอันดับสอง โดยอยู่ที่ 20,147 ราย ขณะที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ฟลอริดา และนิวเจอร์ซีย์มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 16,000 ราย
-- ไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ และ BioNTech ซึ่งเป็นบริษัทยาของเยอรมนี แถลงเมื่อวานนี้ว่า ผลการวิเคราะห์ข้อมูลในขั้นสุดท้ายบ่งชี้ว่า วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งทั้งสองบริษัทพัฒนาร่วมกัน มีประสิทธิภาพ 95% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19
ไฟเซอร์เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะยื่นขออนุมัติการใช้วัคซีนดังกล่าวต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ในอีกไม่กี่วัน ขณะที่บริษัทคาดว่าจะผลิตวัคซีนจำนวน 50 ล้านโดสในปีนี้ และ 1,300 ล้านโดสในปีหน้า
-- มีการคาดการณ์กันว่าบุคลากรทางการแพทย์ของสหรัฐจะได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 เป็นครั้งแรกในเดือนหน้า หลังมีการเปิดเผยความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ และโมเดอร์นา อิงค์
ความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง 1 ปี ถือว่าเป็นสถิติเร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์ เมื่อเทียบกับกระบวนการผลิตวัคซีนทั่วไปที่มักใช้เวลาราว 10 ปี โดยการพัฒนาวัคซีนที่เร็วที่สุดก่อนหน้านี้เป็นวัคซีนป้องกันไวรัสคางทูมที่ต้องใช้เวลานานกว่า 4 ปี
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เตรียมเป็นตัวแทนของสหรัฐเข้าร่วมการประชุมทางไกลของกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ในวันศุกร์นี้ ซึ่งประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน จะเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวเช่นกัน
"ท่านประธานาธิบดีจะเข้าร่วมการประชุมเอเปก" เจ้าหน้าที่สหรัฐรายหนึ่งกล่าว
ทั้งนี้ สหรัฐและจีนกำลังมีความสัมพันธ์ที่ตึงเครียด ท่ามกลางการทำสงครามการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ
-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 4.9% ในเดือนต.ค. สู่ระดับ 1.530 ล้านยูนิต จากระดับ 1.459 ล้านยูนิตในเดือนก.ย. นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.460 ล้านยูนิตในเดือนต.ค.
-- สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยูโรโซนเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน
อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI ของยูโรโซน ลดลง 0.3% ในเดือนต.ค. บ่งชี้อัตราเงินเฟ้อติดลบเป็นเดือนที่ 3 แตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี โดยได้รับผลกระทบจากดิ่งลง 8% ของราคาพลังงาน
ทั้งนี้ ตัวเลขเงินเฟ้อของยูโรโซนอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายของ ECB อย่างต่อเนื่อง แม้ ECB ใช้มาตรการการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษก็ตาม รวมทั้งมีโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
-- ออสเตรเลียมีกำหนดการเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนต.ค.ในวันนี้ ขณะที่สหรัฐมีกำหนดเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนพ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนต.ค.จาก Conference Board
ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้จะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค. ญี่ปุ่นจะเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค. อังกฤษจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จากสถาบัน GfK และยอดค้าปลีกเดือนต.ค. ออสเตรเลียจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนต.ค. และธนาคารกลางจีนจะเปิดเผยการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR ประจำเดือนพ.ย.