คณะนักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมิชิแกนของสหรัฐคาดการณ์ว่า การฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ, อัตราการว่างงานที่ลดลง และการดำรงชีวิตในสหรัฐจะกลับคืนสู่ภาวะใกล้เคียงกับระดับปกติภายในสิ้นปี 2564
รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งอ้างอิงการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์กลุ่มดังกล่าว ระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 4.2% ในปี 2564 ซึ่งสวนทางกับตัวเลขคาดการณ์ของปี 2563 ที่คาดว่าอาจลดลง 3.6% โดยจีดีพีที่แท้จริงอาจกลับคืนสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาดได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564
"เราคาดว่าสถานการณ์จะกลับคืนสู่ภาวะใกล้เคียงกับระดับปกติในช่วงกลางปี 2564 โดยพิจารณาจากวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่พร้อมใช้ในวงกว้าง การควบคุมและรักษาโรคโควิด-19 ที่ได้รับการพัฒนาเพิ่มเติม และความอ่อนล้าที่เกิดขึ้นตามมาเนื่องจากภาวะโรคระบาด"
รายงานดังกล่าวยังระบุถึงปัจจัยและแนวโน้มหลักอื่นๆ ได้แก่ อัตราการว่างงานซึ่งจะปรับลดลงจากระดับ 6.9% ในเดือนต.ค. 2563 มาอยู่ที่ 5.6% ในช่วงสิ้นปี 2564 และจะลดลงมาอยู่ที่ 5.1% เมื่อสิ้นปี 2565 ส่วนรายได้ที่ใช้จ่ายได้จริงจะเพิ่มขึ้น 5.6% ในปี 2563 ซึ่งเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นทางการเงินครั้งใหญ่ของรัฐบาลสหรัฐ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อการจำนองแบบคงที่ระยะเวลา 30 ปี จะเพิ่มขึ้นจาก 2.8% ในช่วงต้นปี 2564 แตะที่ 3.1% ในช่วงสิ้นปี 2565
ส่วนอัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเป็นผลมาจากอุปสงค์ที่ดีดตัวขึ้นในช่วงหลังเกิดโรคระบาด โดยอัตราเงินเฟ้อหลักที่ไม่นับรวมอาหารและพลังงานจะอยู่ที่ 1.8% ในปี 2564 และอยู่ที่ 1.9% ในปี 2565 เทียบเท่ากับระดับในปี 2562 และต่ำกว่าคาดการณ์ของธนาคารกลางสหรัฐซึ่งอยู่ที่ 2%
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้น 4 ครั้งต่อปี โดยคณะผู้จัดงานสัมมนาวิจัยด้านเศรษฐศาสตร์เชิงปริมาณ ภาควิชาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยมิชิแกน ตั้งแต่ปี 2495 เป็นต้นมา